.... ด้วยแนวคิด "โลกไม่ได้แบน" ก่อให้เกิดการระดมทุนครั้งแรกของโลก ....
ได้มีโอกาสหนังสือเรื่อง Sapiens: A Brief History of Humankind เขียนโดย Yuval Noah Harari ผู้ศึกษาเรื่องการวิวัฒนาการ ประวัติศาสตร์ อย่างจริงจัง มีบทความเรื่อง Columbus Searches for an Investor ซึ่งกล่าวถึงวิวัฒนาการของทุนนิยมได้อย่างดีมาก ขอนำมาสรุปเรื่องราวแบบย่อๆจากบทความที่อ่านครับ
(อ่านฉบับภาษาอังกฤษได้ที่นี้ : https://erenow.net/common/sapiensbriefhistory/83.php )
ในยุคปัจจุบัน ตลาดหุ้น คือ สถานที่เพื่อการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน แต่รู้หรือไม่ว่าการ "ระดมทุน" ถูกใช้มามากกว่า 500 ปี แล้วเพื่อจุดประสงค์ในการ "ล่าอาณานิคม" และการค้นพบทวีปอเมริกาถือเป็นการค้นหานักลงทุนเพื่อระดมทุนครั้งแรกของโลกที่ประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ ...
คนทุกคนรู้จักชื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เพราะเขาคือผู้ค้นพบทวีปอเมริกา ถือเป็นการเปิดวงการวิทยาศาสตร์และลบล้างความเชื่อที่ว่า "โลกแบน "
เมื่อ 600 ปีที่แล้ว ผู้คนต่างเชื่อว่าโลกแบน การเดินทางจากทวีปยุโรปเพื่อค้าขายในอินเดียและจีน จะต้องเดินเท้าจากฝั่งตะวันออกเดินตามเส้นทางสายไหม เช่น มาร์โคโปโล ที่เข้ามาค้าขายในประเทศจีนสมัยจักรพรรดิ์กุบไล่ข่าน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินทางมายังฝั่งตะวันตกที่เต็มไปด้วยมหาสมุทธอันกว้างใหญ่ และความเชื่อที่ว่ามีปีศาจเฝ้าอยู่
การศึกษาของโคลัมบัส พบว่า "โลกของเราไม่ได้แบน" ...
เขาศึกษาจากบันทึกต่างๆของนักเดินเรือคนอื่นๆ บันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล, คัมภีร์ไบเบิ้ล ตำราต่างๆเท่าที่จะหาได้ในยุคนั้น เขาจึงมั่นใจว่าถ้าเดินเรือจากฝั่งตะวันตก เราจะเจอกับดินแดนเอเชีย นั้นคือ ดินแดนนิฮง (ญี่ปุ่น) จีน และอินเดีย ซึ่งจะประหยัดเวลาในการเดินทางและค่าใช้จ่ายมาก โดยไม่รู้ว่าก่อนจะถึงทวีปเอเชีย มีดินแดนที่เรียกว่าอเมริกาตั้งขวางทางเขาอยู่
เขานำแผนการนี้ไปบอกกษัตริย์ของโปรตุเกสเพื่อขอทุนในการออกเรือสำรวจครั้งนี้ แน่นอนว่าการเดินเรือใช้ทุนสูง ...
ในตอนแรกกษัตริย์ของโปรตุเกสให้ความสนใจมาก แต่เป็นการสนใจในแง่ของการ "เผยแพร่ศาสนาคริสต์" ซะมากกว่า ทางขุนนางและชนชั้นสูงต่างลงความเห็นว่าไม่คุ้มค่าต่อการให้เงินแก่โคลัมบัสออกสำรวจ
โคลัมบัสจึงเดินทางมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ของสเปน ซึ่งตอนนั้น คือ พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 5 และสมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 เพื่อขอเงินทุนจากราชวงศ์ ขุนนาง และกลุ่มชนชั้นสูง ซึ่งก่อนจะอนุมัติให้เงินแก่โคลัมบัส ทางกลุ่มผู้ลงทุนได้ยื่นเงื่อนไขว่า "ผลประโยชน์ที่เกิดจากการเดินทาง จะต้องตกเป็นสมบัติแก่ประเทศสเปนทั้งหมด"
ในที่สุด คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้ค้นพบดินแดนอเมริกาและประกาศว่าทรัพย์สมบัติของเกาะนี้ทั้งหมดตกเป็นของสเปน ทำให้ประเทศสเปน ราชวงศ์ และกลุ่มผู้ลงทุนร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล เหตุการณ์นี้ทำให้สเปนกลายมาเป็นมหาอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 16 และอีกหลายครั้งก็มีการส่งคนออกไปหาดินแดนใหม่ๆเพื่อ "อ้างสิทธิ์" เป็นเจ้าของดินแดนนั้น ไม่เพียงแค่สเปนเท่านั้น ยังมีโปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส โดยหวังว่าจะมีโอกาสกลายมาเป็นมหาอำนาจอย่างที่สเปนเป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ มีนักสำรวจหายไปบ้าง ไม่กลับมาบ้าง เงินที่ลงทุนไปก็ไม่ได้คืนเช่นเดียวกัน
หรือแม้กระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 18 มีกลุ่มนักเดินเรือค้นพบทวีปแอนตาร์กติกาซึ่งอยู่บริเวณขั้วโลกใต้ แต่เมื่อออกสำรวจแล้วกลับไม่พบทรัพยากรอะไรที่จะนำกลับมาสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศเจ้าอาณานิคมที่ค้นพบได้เลย
เหตุการณ์ล่าอาณานิคมของประเทศในทวีปยุโรป ทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญสำหรับชาวดัตช์ ที่ตอนนั้นยังเป็นอาณาจักรเล็กๆและตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน ทางสเปนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะกำลังยุ่งอยู่กับการล่าอาณานิคมในประเทศที่ใหญ่กว่า
ชาวดัตช์ใช้เวลากว่า 80 ปี เพื่อปลดปล่อยความเป็นเมืองขึ้นและหันมาใช้ระบบทุนนิยมแบบเต็มตัว จากเมืองเล็กๆกลายมาเป็นจักรวรรดิดัตช์ที่มีอิทธิพลสูง กองเรือขนาดใหญ่ และเงินทุนมหาศาลจากการล่าอาณานิคม ทำให้จักรวรรดิดัตช์กลายมาเป็นมหาอำนาจในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 จนถึงกลางศตวรรษที่ 17
ชาวดัตซ์ได้คิดค้นนวัตกรรม "หุ้น" ขึ้นมา มีหลักฐานการซื้อขายและสามารถเปลี่ยนมือกันได้ โดยบริษัทร่วมหุ้นครั้งแรกของโลกชื่อ ... บริษัทดัตซ์อีสต์อินเดีย (Vereenigde Oostindische Compagnie) หรือมีชื่อย่อว่า วีโอซี (VOC) ทำธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศ ถือเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกของโลกอีกด้วย โดยเกิดจากการร่วมทุนของพ่อค้า ชนชั้นสูง และนายธนาคารชาวดัตซ์ทั้งหมด ซึ่งบริษัทนี้มีอิทธิพลสูงมาก สามารถล่าอาณานิคม ก่อสงคราม สั่งประหารชีวิตใครก็ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้กับรัฐบาลทราบ
ผลงานสำคัญ คือ การเข้ายึดครองประเทศอินโดนีเซีย และวีโอซีปกครองอินโดนีเซียเกือบ 200 ปีก่อนจะขายต่อให้กับรัฐบาลของประเทศดัตซ์
วีโอซีก่อตั้งบริษัทลูกแห่งใหม่ชื่อ บริษัทดัตซ์ตะวันตกอินเดีย เพื่อดูแลกิจการในคาบมหาสมุทธแอตแลนติส ทั้งหมด รวมถึงกิจการบริเวณแม่น้ำฮัดสัน(อเมริกาในปัจจุบัน) การกดขี่ข่มเหงชาวพื้นเมืองและอำนาจที่มากเกินไป ทำให้ชาวอินเดียแดงไม่พอใจอย่างมาก รวมมือกับประเทศอังกฤษ เพื่อขับไล่ชาวดัตซ์ออกไป ชาวดัตส์มีกำแพงและป้อมปราการที่สูงแต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับอังกฤษและชาวพื้นเมือง
สุดท้ายชาวอินเดียแดงและอังกฤษได้รับชัยชนะ ชาวอินเดียแดงคิดว่าตัวเองกำลังจะได้รับอิสรภาพ แต่กลับถูกชาวอังกฤษขับไล่ออกไปอีกทีหนึ่ง สุดท้ายอังกฤษกลายมาเป็นเจ้าของอเมริกาและเรียกพื้นที่ที่สู้รบกับชาวดัตซ์ว่า "นิวยอร์ก" ทุบกำแพงรวมถึงป้อมปราการทิ้ง สร้างถนนตัดเข้าไป เรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า "วอลสตรีท" ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งค้าหุ้นที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบัน
นี้ก็เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดทุนนิยม การระดมทุน และวอลสตรีท ครับ ...