
หากคุณเป็นนักท่องเที่ยว เชื่อว่าสายการบินแอร์เอเชียจะเป็นตัวเลือกต้นๆ เหตุผลไม่เพียงเพราะราคาสบายกระเป๋าแบบ ‘ใครใคร... ก็บินได้’
แต่ยังเป็นเพราะเรื่องของความปลอดภัย การบริการ และความตรงต่อเวลาที่เป็นเลิศ ในเวลาเดียวกัน หากคุณเป็นนักลงทุน บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ก็น่าลงทุนไม่แพ้กัน เนื่องจากสายการบินแอร์เอเชียเป็น ‘ผู้นำ’ ในสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทย ยืนยันได้จากรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 10 ปีซ้อน จากการจัดอันดับของสกายแทรกซ์ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยังมีอนาคตที่ก้าวไกล
ในปี 2562 AAV ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 แห่งความท้าทาย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจการบิน รุมล้อมด้วยความเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรือความเปราะบางของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ AAV เชื่อมั่นว่าบริษัทจะยังรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากยังมี ‘โอกาส’ ในภูมิภาคนี้อีกมากและมีเส้นทางใหม่ๆ ที่รอให้บริษัทได้ค้นหา
สถิติจำนวนผู้โดยสาร

บริหารความเสี่ยงได้ดี
สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความเสี่ยงแรกคือน้ำมัน บริษัทสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันอากาศยาน (Fuel Hedging) อย่างชัดเจน เพื่อลดความผันผวนของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในปี 2562 บริษัทได้ประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันอากาศยานล่วงหน้าไว้ในสัดส่วนเฉลี่ย 52% ของปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด โดยมีราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562
ขณะที่ความเสี่ยงด้านจำนวนนักท่องเที่ยว บริษัทพยายามไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป เพื่อป้องกันความผันผวนของรายได้ ดังนั้น ทางออกคือ มองหาโอกาสใหม่โดยขยายฐานลูกค้าในตลาดอินเดียและกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้น เพื่อมาสร้างทัพตลาดในประเทศและจากประเทศจีนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
“เป้าหมายแอร์เอเชียคือรักษาการเป็นผู้นำธุรกิจสายการบินราคาประหยัด ทั้งในประเทศเเละภูมิภาค พร้อมการบริหารจัดการต้นทุนและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”
กล้าที่จะเป็น ‘ผู้นำ’
จุดเด่นของ AAV คือความกล้าในการเป็น ‘ผู้นำ’ เห็นได้ว่า บริษัทจะขยายฝูงบินอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเส้นทางหรือมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดเอเชียใต้และประเทศแถบอินโดจีน (CLMV) นอกจากนี้ยังเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่ได้รับความนิยม เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันก็ยังมองหาโอกาสการเพิ่มรายได้จากบริการเสริมผ่านการส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ
“เรายังเป็นสายการบินเเห่งนวัตกรรม ที่นำบริการต่างๆ มาทำให้การเดินทางของทุกคนง่ายและสะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการเช็กอิน โหลดสัมภาระด้วยตนเองที่สนามบิน หรือบริการจาก ‘เอว่า’ เเชต 24 ชั่วโมง ที่พร้อมดูเเลผู้โดยสารทุกคน ตอกย้ำการเป็นผู้นำของเรา”
บริษัทยังได้สร้างฐานปฏิบัติการบินในภูมิภาค เพื่อเสริมความเเข็งเเกร่งให้ธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทมี 7 ฐานปฏิบัติการบิน ได้แก่ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ หาดใหญ่ อู่ตะเภา เเละเชียงราย โดยเน้นเปิดเส้นทางบินจากฐานปฏิบัติการบินนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นทางบินที่บริษัทให้บริการรายเดียว ทำให้สามารถกำหนดราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมในเส้นทางนั้นๆ ได้ รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ในเมืองรอง ทั้งยังได้รับประโยชน์จากการให้บริการเชื่อมต่อเที่ยวบินในเส้นทางที่มีให้บริการ (Fly-Thru) กับสายการบินในกลุ่มแอร์เอเชีย เช่น ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งเป็นสายการบินระยะไกลราคาประหยัด
“จุดเเข็งของแอร์เอเชียคือ เป็นมากกว่าสายการบินราคาประหยัด เราให้บริการด้วยความคุ้มค่า พร้อมด้วยคุณภาพระดับสากล ทั้งมาตรฐานความปลอดภัย ความตรงต่อเวลา และเส้นทางบินที่หลากหลาย”
เป้าหมายต่อไป
นอกจากแผนธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดยุคดิจิทัล การแสวงหาเส้นทางและจุดหมายปลายทางเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งการขยายฝูงบินด้วยเครื่องบินใหม่แอร์บัส รุ่น A321 นีโอ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลและประหยัดพลังงานแล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างสถาบันฝึกอบรมในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลากรแผนกต่างๆ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท โดยแผนดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาและบริหารจัดการต้นทุนเรื่องการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อขยายการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมรับกับการแข่งขันทุกรูปแบบในอนาคต
และสิ่งที่เป็นเหมือนบทพิสูจน์ความสำเร็จส่วนหนึ่งก็คือการที่บริษัทได้ถูกจัดให้อยู่ในดัชนี SET Well-being (SETWB) เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหลักทรัพย์ 30 หลักทรัพย์ ใน 7 หมวดธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ถูกจัดอยู่ในดัชนี MSCI Global Small Cap Index โดยมีผลในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 นี้
ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ Stock Guide 2019-2020 ดาวน์โหลด E-Book ฉบับเต็ม ฟรีได้ที่ >> http://bit.ly/2WNQiHi