บอร์ดปตท.ทบทวนแผนลงทุนบริษัทย่อย เพิ่มวงเงินลงทุนกว่า 3 หมื่นล้าน มุ่งพลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน
นางอรวดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562 มีมติอนุมัติให้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% ทั้งหมด โดยอนุมัติให้ปรับเพิ่มแผนการลงทุนสำหรับปี 2562 จากเดิม 70,501 ล้านบาท เป็น 103,697 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 33,196 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณการลงทุนปี 2562 ที่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นนั้น ปตท. จะมุ่งเน้นการลงทุนบริษัทในเครือ เพื่อขยายธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานทดแทน และลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 พร้อมเร่งแสวงหาโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีและตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนต้นแบบด้านเครื่องจักรกล และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics/AI) หรือการลงทุนในรูปแบบ Venture Capital เพื่อการเติบโตในระยะยาว
นอกจากนี้ ปตท. อยู่ระหว่างการพิจารณาทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร และเตรียมปรับ Portfolio ของการลงทุนในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเน้นการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานสะอาด ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนให้สังคมและชุมชนอยู่ได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ปตท. เตรียมนำแผนการลงทุนระยะยาวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ในเดือนธันวาคม 2562
สำหรับหุ้นกลุ่มปตท.วันนี้ ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ทั้ง PTT PTTEP PPTGC โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้รับอานิสสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน โดยน้ำมันดับ WTI ปรับขึ้นกว่า 5% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 1-5% หลังจากปิดตลาดดาวน์โจนส์เมื่อคืน 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง (PTTEP PTTGC) ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ