#ลงทุนแนวเทคนิคอล

ทำไมหุ้นถึงต้องพักตัวทำ Secondary Trend?

โดย นิติพงษ์ หิรัญพงษ์
เผยแพร่:
112 views

ระหว่างที่ผมสอนผู้เข้าอบรมภาคค่ำ หรือที่ผมเรียกว่า นักเรียน กศน. (ก็เรียนภาคค่ำ นอกเวลานี่นา) เรื่องที่สอนขณะนั้นเป็นเรื่องเทรนด์ ตามทฤษฎีดาวข้อ 1 คือ Stock market has three movements  ผมพูดถึงเรื่องของ Primary Trend ว่าเป็นภาพใหญ่ ภาพหลัก หรือแนวโน้มใหญ่ของหุ้น ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งเป็นได้ทั้ง ขาขึ้น (Uptrend) ขาลง (Downtrend) หรือ ไม่มีแนวโน้ม (Sideway) ส่วน Secondary Trend ก็จะเป็นการย่อ การพักตัว ไม่ไปต่อ ในขาขึ้น หรือการเด้ง การพักตัวไม่ลงต่อ ในขาลง

ซึ่ง Secondary Trend จะสวนทางกับ Primary Trend เสมอ แต่การสวนทางนี้ Secondary Trend มักจะสวนทางกับ Primary Trend หนึ่งในสามและมักจะไม่เกินสองในสาม ของทิศทางก่อนหน้า เช่นในขาขึ้น หุ้นขึ้นจาก 4 บาท มาถึง 10 บาท (ขึ้นมา 6 บาท) แล้วพักตัวเป็น Secondary Trend ดังนั้นการย่อครั้งนี้ ถ้าย่อ 1 ใน 3 ก็จะพัก ลงมาแนว 8 บาท แต่ถ้าย่อ 2 ใน 3 ก็ไม่ควรพักเกิน 6 บาท ถ้าเกินนั้น แปลว่า มีโอกาสกลับทิศกลับทาง จากขึ้นเป็นลงได้ พูดง่ายๆ คือถ้า พักเกิน 2 ใน 3 แปลว่า หุ้นมันอยากลง มากกว่า ขึ้น ส่วนในขาลง ก็กลับกัน เด้งได้ 1 ใน 3 ไม่เกิน 2 ใน 3 ถ้าเด้งเกินนี้ แปลว่าไม่อยากลงต่อละ อยากขึ้นซะมากกว่า

หลังจากอธิบายจนเรียบร้อย พร้อมยกตัวอย่าง มีคุณพี่ท่านนึง ยกมือถามว่า “ทำไมถึงต้องมี Secondary Trend”ผมถึงกับสตั้นไป 3 วิ อืม นั่นสินะ ทำไมถึงต้องมี Secondary Trend เป็นคำถามชนิดเข็มขัดสั้น คือผมคาดไม่ถึงว่าจะมีคำถามแบบนี้ และไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ ผมเชื่อว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนผมว่า เออ นั่นสินะ ทำไม?

หุ้น Secondary Trend

พอหายสตั้น ผมเรียบเรียงคำพูดและตอบกลับไปว่า หุ้นถ้ามันขึ้นอย่างเดียว ไม่พักเลย มันคงไม่ได้กระมังครับ การขึ้นของราคามันก็ต้องมีพักบ้าง ขึ้นๆ พักๆ ไปตลอดทาง คุณพี่เจ้าของคำถามทำหน้าเหมือนเข้าใจ แต่จากแววตา ผมประเมินว่า คำตอบของผม ยังไม่คลายความสงสัยให้กับแก ด้วยเวลาที่จำกัด ผมจึงจำเป็นต้องขมวดจบ และขึ้นหัวข้อถัดไป แม้ว่าตัวผมเองก็รู้สึกคาใจกับคำตอบนั้น

วันนั้นระหว่างทางขับรถกลับบ้าน ผมครุ่นคิดหาคำตอบที่จะให้ความกระจ่างกับนักเรียนคนนี้ของผมตลอดทาง หุ้นที่ดี มันก็มีคนอยากซื้อสินะ แต่ก็ต้องมีคนที่ได้กำไรแล้วก็อยากขาย อืม เฮ้ย!!! มันเป็นเรื่อง Demand กับ Supply เรื่องอุปสงค์ อุปทาน นี่นา ใช่ ถ้ายกเอาเรื่องเบสิกของเศรษฐศาสตร์นี้มาตอบ น่าจะเห็นภาพได้ชัด ยูเรก้า!! ผมกลับถึงบ้านรีบตอบคำถามนี้ในกลุ่ม Line ทันที เพราะนโยบายการสอนของผม จะไม่ยอมปล่อยให้ความงงนั้นมันลอยนวลไป ราคาหุ้นขึ้น เพราะมีแต่คนอยากซื้อ มีข่าวดี มีอนาคต มีกำไรต่อเนื่อง ธุรกิจเติบโต ใครๆ ก็อยากซื้อ

ความอยากซื้อมันคือ Demand ส่วนความอยากขาย มันคือ Supply

เมื่อมีคนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย ราคามันก็พุ่งขึ้นไป ทุกคนกอดหุ้นไว้แน่นจนแรงขายไม่สามารถต้านแรงซื้อได้เลย เราจึงแทบจะไม่เห็นการย่อ การพักของราคา แต่เมื่อราคาวิ่งมาถึงระดับที่หลายคนพอใจ คิดว่าไม่ไปต่อ หรือถึงแนวต้านแล้ว กำไรเยอะแล้ว ทนรวยไม่ได้แล้ว หรือเหตุผลใดๆก็ตาม ก็จะมีการขายออกมา

ถ้าหากแรงขายหรือ Supply มันเริ่มมีออกมามากจน Demand ไม่สามารถดันราคาให้ไปต่อได้ในระยะสั้น ราคามันก็จะต้องย่ออย่างเห็นได้ชัด จนปรากฎ เป็น Secondary Trend คือการพักตัวอย่างมีนัยยะ จนกว่าแรงซื้อจะกลับมา ดันราคาให้กลับไปในทิศทางเดิมอีกครั้ง

แต่ถ้าแรงซื้อไม่กลับมา Demand มันเหือดหายไป แต่ Supply ยังมีมากอยู่ แบบนี้ Secondary Trend ที่คาดไว้ อาจจะพักจนเกิน 2 ใน 3 เปลี่ยนจากคำว่า “พัก” เป็น “อยากจะลง” และ เมื่อลงเกินจากจุดต่ำเดิม นั่นก็จะเป็นการยืนยันว่า การขึ้นครั้งนั้นจบแล้ว ต่อไป จะเป็นขาลงแล้ว พูดง่ายๆ มันก็คือการสู้กันของของซื้อกับแรงขายนั่นเอง

นี่แหละครับ คำตอบสำหรับคำถามของคุณพี่ กศน. ที่ว่า ทำไมถึงต้องมี Secondary Trend ยาวหน่อย แต่หวังว่าจะตอบคำถามได้ชัดเจนนะครับ

เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ผมก็ปิดไฟนอนได้สักที จำไว้นะครับ การเคลื่อนที่ของราคา เป็นเรื่องของ Demand กับ Supply หุ้นจะขึ้นแรง ลงแรง ขึ้นยาว ลงยาว ก็พยายามหาข้อเท็จจริง มาพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงใดบ้าง ที่มากระตุ้นให้คนกลุ่มใหญ่ “อยากซื้อ”  หรือมีปัจจัยอะไรที่จะมาส่งผลให้คนกลุ่มใหญ่ “อยากขาย” เรื่องพวกนี้ คือเรื่องพื้นๆ ที่เรามักมองข้าม แม้กระทั่งตัวผมเอง ณ เวลานั้น เรียนรู้กันไปครับ


อดีตผู้บริหารไอที ที่ผันตัวมาเป็น Full-Time Trader ตามความฝันของตัวเอง บนแนวทางของ Technical Analysis ผู้ก่อตั้งกลุ่มเทรดเดอร์ "ลั้ลลา ปาจิงโกะ" กลุ่มเทคนิคอลเทรดเดอร์ คนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งยังแบ่งปันความรู้ความเข้าใจด้านกราฟเทคนิคให้กับนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ด้วยภาษาที่ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่าย จนได้ชื่อว่า "โค้ชพี่ป๊อบ"

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง