#แนวคิดด้านการลงทุน

“ความรวย” ปะทะ "อิสรภาพทางการเงิน"

โดย ภัทรพล ศิลปาจารย์
เผยแพร่:
218 views

นิยาม “ความรวย” ในแบบของผมก็คือมีเงินมาก แต่ไม่กล้าใช้/กังวล เพราะกลัวพร่อง

“รวย” ก็คือการมี Active Income มากกว่าไลฟ์สไตล์ ซึ่งแน่นอนขั้นแรกใครๆ ก็อยากรวยด้วยกันทั้งนั้น

แต่ “อิสรภาพทางการเงิน” มันเหนือชั้นกว่านั้น เพราะมันคือการใช้เงินได้แบบไร้กังวลตลอดไป

เพราะฉะนั้น “อิสรภาพทางการเงิน” ก็คือการที่เรามี Passive Income มากกว่าไลฟ์สไตล์ สองอย่างนี้จึงต่างกันที่ Quality หรือประเภทของเงินนั้นเองครับ

ทุกวันนี้เราใช้มือถือยี่ห้อธรรมดาๆ แค่รับสายกับโทรออกได้ก็พอแล้ว แต่เราก็ใช้ไอโฟน ขับวีออสก็ไปถึงที่หมาย แต่เราก็เลือกขับเบนซ์ ก็เพราะมันคือไลฟ์สไตล์ไงครับ แต่เราจะซื้ออะไรมันก็ต้องอยู่ในงบประมาณการใช้จ่ายว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งผมเรียก มันว่า “ไลฟ์สไตล์”

ผมอยากให้คุณลองจดรายการที่คุณต้องใช้ มาทั้งชีวิตว่ามีอะไรบ้าง เช่น ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ํา ค่าไฟ ให้พ่อให้แม่เท่าไหร่ จุดมาว่ารวมๆ แล้วต่อเดือนเท่าไหร่

บางคนอาจจะได้รายจ่ายออกมา 9 แสนบาท โดยที่มีรายรับ 1 ล้านบาท สรุปว่าเหลือเงิน 1 แสนบาท

ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วครับ

แต่ผมถามต่อว่าแล้วเดือนหน้าจะต้องเก็บเงินอีกมั้ย แล้วปีหน้าล่ะ? 5 ปีข้างหน้าล่ะ? 10 ปี? 30 ปี? คําตอบก็คือ ยังไงก็ต้องเก็บ เพราะว่ามันหยุดไม่ได้

ชีวิตแบบนี้จึงหยุดไม่ได้ทั้งกายทั้งใจ

ผมเคยเจอคนที่มีเงิน 50 ล้านบาท บางคน บอกว่ามีขนาดนั้นน่าจะหยุดได้แล้ว แต่เค้าคนนี้ก็ยังทํางานต่อ ถามว่าทําไม? คําตอบก็คือ ทุกคนมี “จุดอุ่นใจ” เช่น สมมติว่าคนนี้มีจุดอุ่นใจว่า ถ้าเขามีเงินเก็บ 50 ล้านบาทเขาจะรู้สึกว่าปลอดภัย

ปรากฏว่าผ่านไปไม่ถึงปี ลูกมาขอเงินชื้อรถ 5 ล้านบาท ตอนนี้เขาก็มีเงินเหลือ 45 ล้านบาท เดือนถัดมาลูกอีกคนมาขอเบ็นซ์อีกคันเลยเหลือเงิน 40 ล้านบาท มาถึงตรงนี้คนเป็นพ่อก็จะเริ่มไม่อุ่นใจ พอไม่อุ่นใจแล้วทําไง? ก็ต้องหาเงินเพิ่ม กลายเป็นว่าไม่มีวันหยุด หยุดไม่ได้

จุดอุ่นใจของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคน 10 ล้านก็อุ่นใจ บางคน 50 ล้านอุ่นใจ แต่บางคนต้อง 100 ล้านถึงจะอุ่นใจ คือไม่มีใครเหมือนกัน

แต่ที่เหมือนกันก็คือ “ไม่มีวันหยุดหาเงินได้”

passive income

ในทางตรงข้าม ถ้าคุณรู้โจทย์แล้วว่าไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ ต้องใช้เงินเดือนละ 9 แสนบาท แล้วคุณมี Passive Income เดือนละ 1 ล้านบาท แบบนี้สิที่เรียกว่า “หยุดได้”

เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องคิดออกมาก่อนว่า “ชีวิตที่ยอดเยี่ยมในแบบของคุณ” มันต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ บางคนเดือนละ 3 แสนบาท บางคน 5 แสนบาทก็พอแล้ว

แต่ถ้ามี Passive Income ไม่ว่าจะมาก จะน้อย ความกังวลในชีวิตจะหายไป

Passive Income เป็นอะไรที่ทุกคน “จําเป็น” ต้องมี ไม่ใช่แค่ควรจะมี เพราะมี Passive Income น้อยก็เหนื่อยมาก มี Passive Income มากก็เหนื่อยน้อย

และถ้ามีมากถึงจุดๆ หนึ่ง คุณก็จะหยุดทํางานได้ทันทีตลอดไป หยุดทั้งกายทั้งใจ

ลองนึกดูสิว่า ถ้าวันนึงคุณโชคร้ายโดนเมียแพ่นกบาลเพราะจับได้ว่ามีกิ๊ก เลยต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวที่โรงพยาบาล แล้วโชคดีที่คุณยังมี Passive Income สมมติว่าแค่เดือนละ 10,000 บาท แต่อย่างน้อยมันก็ยังจ่ายค่าน้ําค่าไฟได้ แม้คุณจะไม่ได้ทํางานก็ตาม แบบนี้เครียดน้อยลงมัยครับ?

แล้วถ้ามี Passive Income เดือนละ 100,000 บาทล่ะ แล้วถ้าเดือนละ 1,000,000 บาทล่ะ? มีอะไร ต้องเครียดมั้ย? ไม่มีทางแน่นอน แต่จะไปเครียดอีกทีตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วโดนเมียสอบสวน ฮ่าๆๆ)

*** เพราะฉะนั้นย้ำอีกทีครับว่า Passive Income เป็นอะไรที่ทุกคน “จําเป็น” ต้องมี! ***

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นี่คือบทความส่วนหนึ่งของหนังสือ เหนื่อยชั่วคราวสบายชั่วโคตร ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือที่จะทำให้คุณ

ตอบโจทย์ของคำว่า "การเกษียณที่รวดเร็ว" พร้อม "อิสรภาพการเงิน"  ได้อย่างตรงใจ หนังสือเล่มนี้จะเป็นคำตอบที่คุณต้องการครับ

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.stock2morrow.com/publishing/bookdetail.php?id=136

 

เหนื่อยชั่วคราวสบายชั่วโคตร พอล ภัทรพล


คูณพอล ภัทรพล เรียนจบ MBA ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งยังจบด้านอสังหาริมทรัพย์ กับ RE-CU (Real Estate Chulalongkorn University) ควบคู่ไปด้วย

ในด้านการทํางาน พอลถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็น Triple Threat ของวงการบันเทิง คือ ทําครบ 3 อย่าง ทั้งนักแสดง พิธีกร และนักร้อง

พอลรับรางวัลมามากมาย อาทิ รางวัลศิลปินธรรมทูตทูตดาราเพื่อ คุณธรรม และรางวัลผู้ดําเนินรายการประเภททีมดีเด่น จากรายการ วีไอพี จากรางวัลโทรทัศน์ทองคํา ครั้งที่ 24 พ.ศ. 2552 อีกด้วย

ในด้านธุรกิจ พอลมียอดธุรกิจเกินพันล้านบาทต่อปี และเกษียน จากงานได้ตั้งแต่อายุ 35 ปี หลังเกษียณพอลทํา Action For Passion และ ลงทุนใน Start Up ในฐานะ Angel investor เขียนและสอนวิธีเกษียณเร็ว ฯลฯ

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง