“ให้ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง” นี่เป็น คําแนะนําจากหนังสือ The Dhandho Investor ของ Mohnish Pabrai
ผมว่าประโยคนี้มันโดนมาก เขาบอกว่าแม้กระทั่งเศรษฐีของโลก อย่าง ลักษมี มิตตาล (Lakshmi Mittal) เจ้าของ Mittal Steel กิจการเหล็ก ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือแม้แต่ คาร์ลอส สลิม (Carlos Slim) คนที่แย่งตําแหน่ง แชมป์รวยที่สุดในโลกจาก บิล เกตส์ ในปี 2010 ต่างก็มีแนวคิดที่ว่า นี้เช่นเดียวกัน
ทีแรกผมก็ไม่เข้าใจ พออ่านๆ ไปจึงถึงบางอ้อว่าสาเหตุที่ควรลงทุน “ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง” ก็เพราะการที่เราจะได้ซื้อหุ้นราคาถูกนั้น ก็ต้องเป็นช่วงที่นักลงทุนคนอื่นสงสัย ลังเล ไม่แน่ใจ ในสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าเวลาที่หุ้นตกก็ย่อมหมายถึงเกิดวิกฤตในขณะนั้น เช่น กลุ่ม PTT ช่วงที่มาบตาพุดโดนระงับ หรือกลุ่ม Telecom ในช่วงที่มี การพาดพึ่งคดีเอื้อประโยชน์ พตท. ทักษิณ ชินวัตร
การเข้าลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าไม่แน่นอน (กลัวกิจการเจ๊ง) แต่หากเราเข้าใจว่าแท้จริงแล้วธุรกิจที่เราลงทุนมีความเสี่ยงต่ำเราก็สามารถที่จะเข้าไปลงทุนได้
อย่าง PTT ถ้ามองให้ดีก็คือผู้ผูกขาดพลังงานของประเทศ ดังนั้น ไม่ว่าวิกฤตจะแรงแค่ไหน PTT ก็จะผ่านไปได้ (เรียกว่ามีความเสี่ยงต่ำ) หรือ อย่างกรณีของ ADVANC ผู้ให้บริการมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีผู้ถือหุ้นมากมาย มีเครือข่ายที่ใหญ่และสําคัญที่สุดในประเทศ ก็เรียกว่ามีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายเพียงใด ก็น่าจะผ่านไปได้
การเข้าซื้อในกิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน (วิกฤต) เราย่อมสามารถซื้อหุ้นนั้นๆ ในราคาที่ถูกมากๆ ได้ และนี่เองที่เป็นโอกาสทํากําไรได้สูงที่สุดนั่นเอง
คําถามก็คือ “แล้วคุณกล้ามั้ยล่ะ?”
วิธีการลงทุนในธุรกิจที่ “มีความเสี่ยงต่ำ ในเวลาที่ผันผวน”
ผมไม่ได้คิดเองนะ เพียงแต่ศึกษามาจากคนที่รวยที่สุดในโลก เขาทํากัน อย่างตอนที่คนที่รวยที่สุดในโลกก็คือ คาร์ลอส สลิม ชาวเม็กซิกัน เขาระดมเงินเท่าที่จะหาได้ เพื่อไปซื้อหุ้นของกิจการหลักๆ ของประเทศในเวลาที่เกิดวิกฤตในลาตินอเมริกาอย่างรุนแรง ผลก็คือหลังจากวิกฤตผ่านไป เขาก็กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในอเมริกาใต้ และวันนั้นเขาก็เป็นคนรวยที่สุดในโลก แซง บิล เกตส์ ไป
จริงๆ วิธีการมันก็สุดแสนจะง่าย แต่ยากที่ใจ! เพราะ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าไง
ตัวผมเองเอาวิธีนี้มาใช้จริง และลองกับบริษัทที่ Too Big Too Fail ซึ่งในเมืองไทยมีเยอะมาก อย่างผมยกตัวอย่าง PTT กับ ADVANC ผมซื้อในเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาย
คิดดูนะขนาดผมโทรสั่งซื้อกับโบรกเกอร์ เขายังถามผมเลยว่าแน่ใจนะ เพราะมันอาจจะลงต่อ
นั่นแหละถ้าคุณใจไม่แข็งพอ เชื่อมั้ยว่าเวลานั้นคุณจะไม่กล้าซื้อ
จากนี้ไปผมว่าวิกฤตหรือความผันผวนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมถามว่าแล้วคุณล่ะพร้อมจะใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ในหุ้นและ Asset ในเวลาที่คนส่วนใหญ่กลัวแล้วหรือยัง?