เช้านี้ลองเอาภาพของ SET Index มาเป็นกรณีศึกษากันครับ ...
ลองย้อนภาพกลับไปเมื่อสัก 2-3 สัปดาห์ก่อน ภาพของ SET Index ดูค่อนข้างไม่ดีเพราะหุ้นลงมาอย่างต่อเนื่องจาก 1680 จุด ลงมาม้วนเดียวหลุดแนวรับสำคัญตรง 1620 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ 1599 จุดพอดิบพอดี และเด้งกลับใช้เวลาประมาณ 10 วันกลับขึ้นไปเล่นกันที่ 1664 จุดอีกครั้ง ถามว่าเหตุการณ์ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เราได้บทเรียนอะไรกันบ้าง เรามาลองวิเคราะห์ถึงตัวเรากันครับ
1. การที่หุ้นตกแต่ละครั้ง ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า และไม่มีใครขายหุ้นหมดพอร์ตก่อนที่หุ้นจะลง ในบางครั้งนักลงทุนอาจจะขาย ณ จุดต่ำสุดของตลาดก็ได้ เป็นเรื่องของ "ความโลภ" และ "ความกลัว" ที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา
2. กราฟเทคนิเคิลไม่ได้บอกอนาคต คนที่ศึกษาเทคนิเคิลอย่างจริงจังจะเข้าใจว่า "กราฟไม่ได้บอกอนาคต" แต่กราฟบอกถึง "ความเชื่อ" ของนักเก็งกำไรที่มีต่อตลาด ณ เวลานั้นต่างหาก จุดแนวรับแนวต้านไม่ได้บอกว่าหุ้นถึงจุดนี้จะลง หรือจะขึ้น แต่บอกว่ามีนักเก็งกำไรจำนวนมากพอหรือไม่ที่จะทำให้หุ้นขึ้นหรือลงได้ หมายความว่าคนใช้กราฟผิดวิธีมาตั้งแต่ต้น คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากราฟมีไว้ทำนายอนาคต ซึ่งถือว่าผิดพลาดอย่างมาก
3. ทำเงินในตลาดหุ้น "ไม่ง่าย" ไม่ว่าจะเป็นนักเก็งกำไร หรือลงทุนระยะยาว
4. ตลาดหุ้นจะเล่นกับอารมณ์ของเราอยู่ตลอดเวลา จุดที่เราดีใจ ซื้อหุ้นเพลินๆคิดว่ารวยแน่นอน อารมณ์โลภเข้าครอบงำ อาจจะเป็นจุดสูงสุดของตลาดรอบนั้นแล้วก็ได้ ในขณะเดียวกันจังหวะที่ตลาดหดหู่ มีแต่คนเจ๊งหุ้น ขายหุ้นทุกราคา มีแต่ความสิ้นหวัง จุดนั้นอาจจะเป็นจุดต่ำสุดของตลาด
5.ไม่มีใครรู้จุดต่ำสุดของตลาด รวมถึงจุดสูงสุดแล้วเช่นกัน
6.IQ ในการเลือกหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ เป็นเรื่องสำคัญกว่า
นี้ก็เป็นบทเรียน 6 ข้อสำหรับตลาดช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ครับ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกกับพอร์ตการลงทุนของเราครับ