#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

HOT NEWS : ตลาดหุ้นไทย มีลุ้นรับข่าวดี

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
126 views

แนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (10-14มิ.ย.62) ยังต้องติดตามปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มคลายความกังวลจากปัญหาสงครามการค้า โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.2562 ที่ระดับ 1,653.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.09 จุด มูลค่าซื้อขาย 36,707.98 ล้านบาท ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2562 เพิ่มขึ้น 263.28 จุด +1.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,873.34 จุด +29.85 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,742.10 จุด เพิ่มขึ้น 126.55 จุด +1.66% ผลดีจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย โดยจะมีประชุมในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้ และมีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค.นี้ ประมาณ 80%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังคลายความกังวลกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก ซึ่งมีแนวโน้มที่สหรัฐจะเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกในอัตรา 5% ออกไปจากกำหนดเดิมในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุม G20 การเจรจานอกรอบระหว่างสหรัฐและจีน จะมีทิศทางอย่างไร

สำหรับตลาดในประเทศยังคงมีความผันผวนจากการตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ลงตัว แต่คาดว่าหลังจากมีการลงมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย จะทำให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบายด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการของรัฐ เช่น ช.การช่าง (CK) อมตะ (AMATA) ได้รับอานิสสงส์ตามไปด้วย

SET หุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม บล.บล.เอเซีย พลัส ได้ปรับลดสมมติฐานกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยมองว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยื้ดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่เพียงแต่กดดันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ยังส่งผลต่อเนื่องมาที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวลดลง กระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

ขณะเดียวกันมีความกังวลต่อการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในช่วงที่เหลือของปี เช่นเดียวกับอีกหลายๆประเทศ กดดันให้ Bond Yield ลดลงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนประเทศไทยเองในช่วงเดือน ส.ค. 2562 จะเริ่มมีการเก็บภาษีดอกเบี้ยจากกองทุนตราสารหนี้กดดัน Bond Yield ลดลงไปอีก

แต่ในทางกลับกันจะช่วยหนุนให้ Earning Yield Gap ตลาดหุ้นกว้างขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 4.48% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4.28% ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ Fund Flow มีโอกาสถูกโอนถ่ายจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้นมากขึ้นในระยะถัดไป ดังนั้นในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยคาดว่าเป้าหมายใหม่ของ SET Index ในปลายปี 2562 จะอยู่ในช่วง 1694 – 1727 จุด

อย่างไรก็ตาม บล.เอเซีย พลัส ได้ปรับลดการเติบโตของจีดีพีปีนี้ เหลือ 2.7% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.4% ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกที่ชะลอตัวจากปัญหาสงครามการค้า และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อาจจะมีความล่าช้า ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณของปีนี้ล่าช้าตามไปด้วย

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดการณ์ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การจัดตั้งรัฐบาล สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและคู่ค้า และต้องจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดการค้าปลีก และข้อมูลการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. รวมทั้งของจีนและญี่ปุ่นที่จะมีการรางานในสัปดาห์นี้เช่นกัน


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง