#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

HOT NEWS : จับตากลุ่มสื่อ อานิสงส์คืนช่อง ครึ่งปีหลังแข่งเดือด

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
144 views

กลุ่มธุรกิจสื่อทยอยแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรก รับอานิสงส์มาตรา 44 ให้คืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล อสมท ขาดทุนลดกว่า 70% อาร์เอสกำไรพุ่ง เวิร์คพอยท์เตรียมรับมือครึ่งปีหลังแข่งเดือด

นายเขมทัตต์ พลเดช  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงสามเดือนแรก(ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2562 มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 32 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 เนื่องจากฝ่ายบริหารได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง  ส่วนรายได้รวมของ บมจ. อสมท ในไตรมาส 1  ปี 2562 มีจำนวน 594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปี 2561 มาจากธุรกิจโทรทัศน์และธุรกิจการให้บริการโครงข่ายดิจิทัล (BNO) แต่หากเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ลดลง 20% ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ของไตรมาส 4 ปี 2561 เป็นช่วงที่บมจ.อสมท มีรายได้สูงสุดในปีที่ผ่านมา

mcot tv digital กสทช. คืน

สำหรับธุรกิจโทรทัศน์ ในช่วง 3 เดือนแรกของ ปี  2562  บมจ.  อสมท  มีรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์  จำนวน 175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งรายได้จากการให้บริการช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 เป็นรายได้หลักของธุรกิจโทรทัศน์ และมีแผนที่จะนำเสนอรายการใหม่ๆ ที่เป็นความบันเทิงแต่มีสาระ อาทิ ซีรีส์ฟอร์มยักษ์สามก๊ก, นางพญางูขาว, สารคดีและซีรีส์ยอดนิยมจาก BBC First ในช่วงปลายไตรมาส 2 อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีรายการสำหรับครอบครัวมากขึ้น พร้อมกับโครงการพิเศษที่สนับสนุนนโยบายของภาครัฐและโครงการพิเศษของลูกค้าเอกชน ขณะที่ธุรกิจวิทยุ รายได้วิทยุ  ในช่วงสามเดือนแรกปี 2562  จำนวน 164 ล้านบาท ลดลงน้อยกว่า 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561

นายเขมทัตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากกระบวนการคืนใบอนุญาตช่อง 14 เสร็จสิ้นในเดือนก.ค.2562 อสมท จะมุ่งพัฒนารายการของช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ให้มากขึ้น และเปิดรับพันธมิตรผู้ผลิตรายการ ทั้งในด้าน Content ข่าว, สาระบันเทิง และ Platform ด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

อาร์เอสกำไรพุ่ง

นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม โดยรายได้และกำไรเติบโตแรงสวนกระแสสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ชะลอตัว กล่าวคือสามารถสร้างรายได้รวมที่ 929 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้ง หลังการเข้าเทรดในหมวด “พาณิชย์” ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทำให้ผู้บริหารและพนักงานทั้งองค์กรมุ่งสู่วิสัยทัศน์เดียวกัน พร้อมเปิดโลกทัศน์การดำเนินธุรกิจพาณิชย์ที่ชัดเจนและสร้างความแตกต่าง ดึงเงินลงทุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศที่ให้ความสนใจธุรกิจพาณิชย์ ซึ่งต่างจากธุรกิจสื่อแบบเดิม มีเม็ดเงินเข้าลงทุนในหุ้น RS อย่างมีเสถียรภาพ

“อัตราการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของอาร์เอสที่เกิดจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและความสำเร็จของโมเดลธุรกิจใหม่ที่ช่วยเกื้อหนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายดามพ์กล่าว

สำหรับไตรมาสแรก ธุรกิจ MPC ยังคงเป็นดาวเด่น เป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น ผ่านช่องไทยรัฐทีวี ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่แข่งแกร่ง อยู่ในกลุ่มผู้นำช่องดิจิตอลทีวีที่มีฐานผู้ชมทั่วประเทศ รวมทั้งบริษัทฯ ได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ ควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการปิดการขายของทีมเทเลเซลล์ ทำให้ระบบหลังการขายมีประสิทธิภาพ สามารถกระตุ้นให้ลูกค้ามีการสั่งซื้อสินค้าอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเพิ่มจำนวนและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกกว่า 100 SKU ต่อเนื่องตลอดปี 62 จำหน่ายผ่านช่องทางการขายต่างๆ รวมถึงมีสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะช่องทางขายตรงชั้นเดียวหรือที่เรียกว่า LSBIZ (ตัวแทนขายมืออาชีพ) พร้อมจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

สำหรับธุรกิจทีวีดิจิตอล ช่อง 8 โดยภาพรวมสัดส่วนผู้ชมในระบบทีวีดิจิตอลรายใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ประกอบการทีวีรายเดิม ทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านทีวีดิจิตอลรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในส่วนช่อง 8 ได้มีการปรับผังครั้งใหม่เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรองรับเม็ดเงินโฆษณารวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป นำโดยซีรีส์ "อะลาดิน (Aladdin) " ละคร "เพลงลับแล" แนวดราม่า แฟนตาซี ลี้ลับ รวมถึงซีรีส์ไทย และรายการวาไรตี้ใหม่ ซึ่งจะทำให้เรตติ้งช่วงไพรม์ไทม์ตลอด 7 วันของช่อง 8 แข็งแกร่งขึ้น

 รวมทั้งได้อานิสงส์จากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ประกอบกับอาร์เอสมีจุดแข็งในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพของทั้งกลุ่ม สามารถบริหารเวลาโฆษณาได้เต็มประสิทธิภาพ 100% โดยนำมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ธุรกิจ MPC ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น

เวิร์คพอยท์รายได้ลด

ด้านบริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเนท์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานงวดสามเดือนแรกของปี 2562 ระบุว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 1 จำนวน 733.07 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ของปี 2561 และกำไรสุทธิ 74.52 ล้านบาท ลดลง 55% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ของปี 2561

ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากสาวะการแข่งขันนอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ไตรมาส 2 ของปี 2562 บริษัทมีแผนปรับผังรายการใหม่เพื่อให้เกิดความหลากหลาย จึงคาดว่า ความนิยมของช่อง Workpoint จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ

‘ทีวี ไดเร็ค’ไม่กระทบ

TVD tv digital กสทช. คืน

นายวิเชียร มานะพงศ์พันธ์ หัวหน้าสายงานการเงินและบัญชี บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD
ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 (มกราคม-มีนาคม 2562) มีรายได้รวม 1,029.39  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 896.82 ล้านบาท ปัจจัยมาจากยอดขายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่เติบโตได้ดี รวมถึงมียอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการเช่าช่วงเวลาออกอากาศทางทีวีดิจิทัล ช่อง 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยังไม่มีการเช่าช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้น  ส่วนกำไรสุทธิไตรมาสแรกที่ผ่านมาทำได้ 5.86 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.32 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายทำรายได้ในครึ่งปีแรกคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้รวม และครึ่งปีหลังอีก 70% ของรายได้รวม โดยแผนงานการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้น TVD จะร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำ เช่น Facebook, Google และผู้ให้บริการเว็บไซต์ E-Commerce
รายใหญ่ จัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้า ขณะที่การขายสินค้าช่องทางออฟไลน์ เช่น ทีวีดิจิทัล ร้านค้าปลีก TVD Shop จะเน้นนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ส่วนกรณีที่มีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบางรายแจ้งความประสงค์ขอคืนใบอนุญาตกับ กสทช. ประมาณ 7 ช่อง ประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เป็นผู้เช่าเวลาเพื่อออกอากาศรายการเสนอขายสินค้าทางช่องต่างๆ เนื่องจากยังคงมีทีวีดิจิทัลอีกหลายช่องที่ต้องการดำเนินกิจการต่อไป ซึ่งในจำนวนช่องเหล่านี้จะเป็นโอกาสของ TVD ในการเจรจาเช่าช่วงเวลาเพิ่มเติมเพื่อออกอากาศรายการเสนอขายสินค้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง