โดย รุ่งโรจน์ แก้วกาญจนา 
118 viewsจากการที่ได้วางแผนการเงินให้กับผู้คนจำนวนมาก ผมรู้เลยว่า ถ้าถามคนส่วนใหญ่ว่าปกติทำบัญชีกันไหม ??? ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะตอบทันทีว่า “ไม่ทำ !!!” หลายๆคนพูดว่าเราจะเสียเวลาทำบัญชีไปทำไม ???
แต่ในทางกลับกันถ้าเราลองถามเจ้าของธุรกิจว่า เวลาทำธุรกิจต้องทำบัญชีไหม บอกได้เลยว่า ถ้าเจ้าของธุรกิจคนไหนตอบว่าไม่ทำบัญชี ไม่นานธุรกิจเขาจะมีปัญหาแน่นอน
การทำบัญชีนั้นจะทำให้เราเห็น การไหลเข้า และไหลออกของเงิน จะทำให้เห็นว่าธุรกิจสามารถทำรายได้เข้ามาได้ตามตามเป้าหมายไหม เราเอาเงินจ่ายออกไปในเรื่องอะไรบ้าง ??? เหมาะสมไหม มีการลงทุนเท่าไร มีต้นทุนของธุรกิจเท่าไร และที่สำคัญเหลือกำไรเท่าไร ???
ในการทำบัญชีของบุคคลธรรมดาก็ทำเพื่อดูข้อมูลเหล่านี้เมื่อกัน แต่ไม่จำเป็นต้องทำซับซ้อนถึงขนาดการทำบัญชีของธุรกิจ เราควรจะรู้ว่าเรามีรายได้ไหลเข้ามาต่อเดือนเท่าไร ??? จ่ายออกไปเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง??? และควรจะมีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือนเท่าไร ??? สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้แหละครับว่า มีเงินเหลือเก็บต่อเดือนเท่าไร !!!
เชื่อหรือไม่ว่า เวลาผมทำบัญชีร่วมกับคนที่มาให้วางแผนการเงิน คนส่วนใหญ่เมื่อทำการกรอกรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เขาคิดว่า เขาน่าจะใช้ต่อเดือนเรียบร้อย และเมื่อคำนวณเอารายรับ ลบ รายจ่าย จนเห็นจำนวนเงินที่ควรจะเหลือเก็บต่อเดือนแล้ว 9 ใน 10 คน จะพูดออกมาว่า แล้วเงินก้อนที่เหลือนั้นอยู่ที่ไหน เงินก้อนที่น่าจะเหลือเก็บต่อเดือนนั้นไปไหนกัน??? ปัจจุบันเขาใช้ไม่เหลือเก็บเลยนะ !!!
คำตอบก็คือ เงินนั้นไปที่ชอบ ที่ชอบ ครับ ^_^ แปลว่า เราชอบที่ไหน เงินก็ไปที่นั้นครับ ถ้าชอบกิน เงินก็จะหายไปกับค่ากินมากกว่าที่เราคิด ถ้าชอบช้อปปิ้ง เงินก็จะหายไปกับสิ่งของต่างๆนั้นเอง เพราะฉะนั้นการทำบัญชีสำหรับบุคคลธรรมดา จุดประสงค์ก็เพื่อเราจะได้รู้ว่า เรานั้นน่าจะมีเหลือเก็บเท่าไร??? และเมื่อเราเห็นจำนวนที่เราน่าจะเก็บได้ต่อเดือนแล้ว ผมก็แนะนำว่าเราควรจะใช้เทคนิคการลงทุนที่สำคัญมากๆ และทำได้ไม่ยาก แถมเห็นผลแน่นอน นั้นก็คือ “เทคนิคการเก็บก่อนใช้” นั้นเองครับ ด้วยการใช้เทคนิคง่ายๆนี้จะทำให้คุณมีเงินเก็บแน่นอน
นอกจากนี้ บุคคลธรรมดาอย่างเราก็ควร ทำ “งบดุล” ด้วย งบดุล ก็คือ การทำรายละเอียด สินทรัพย์ และหนี้สินของเราเพื่อให้รู้ว่าส่วนใหญ่ สินทรัพย์ที่เรามีนั้น มาจากการที่เราก่อหนี้ หรือ มาจาก เงินที่เราหามาได้เอง ถ้าวันนี้สินทรัพย์ของเรามากกว่าหนี้สิน ก็แปลว่าคุณเริ่มมีความมั่งคั่งแล้ว ^_^ แต่ก็อย่าลืมคำนวณด้วยว่าสินทรัพย์ที่เรามีนั้น ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อหรือเปล่า ???
เพราะถ้าผลตอบแทนต่ำกว่าเงินเฟ้อแปลว่า เงินที่เราเก็บไว้นั้นมีมูลค่าน้อยลงตลอดเวลานะครับ แต่ถ้าในกรณีที่ สินทรัพย์ที่เรามีนั้นน้อยกว่าหนี้สิน แปลว่าเรา อาจต้องมาพิจารณาการพฤติกรรมการใช้จ่าย เพราะแปลว่า เรานั้นกำลังใช้เงินมากกว่า สินทรัพย์ที่เรามี ดังนั้นเราควรต้องเริ่มวางแผนปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายใหม่
จากประสบการณ์วางแผนการเงินมาให้กับคนจำนวนมาก ความยากที่สุดของการวางแผนการเงิน คือ “วินัยในการใช้จ่าย” ดังนั้นการเริ่มทำบัญชีส่วนบุคคล จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกวินัยการใช้จ่ายของเรา และเมื่อเรามีวินัยที่ถูกต้อง โอกาสที่ประสบความสำเร็จในการวางแผนการเงิน และวางแผนชีวิต ก็มีมากไปกว่าครึ่งแล้วครับ เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มทำบัญชีส่วนบุคคลกันเถอะครับ
