การลงทุนแบบดันโดนั้น กำเนิดมาจากแดนภารตะ (อินเดีย) การลงทุนแบบนี้จะเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงที่ต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งคำว่าดันโดนั้นมาจากคำว่า “Dhandho” นั้นมาจากภาษากุจาราตี แปลว่า “ความพยายามสร้างความั่นคั่ง” ซึ่งเทคนิคการลงทุนแบบดันโดนั้นนักธุรกิจขาวอเมริกันที่ชื่อ (Mohnish Pabrai) เคยใช้แล้วประสบความสำเร็จสร้างผลตอบแทนถึง 28% ต่อปี ต่อมาได้เป็นผู้จัดการกองทุน Pabrai Funds
1.เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอยู่แล้ว
เทคนิคการลงทุนแบบดันโดนั้นจะเลือกธุรกิจที่มีความสี่ยงต่ำจึงเน้นเลือกหุ้นของบริษัทที่มีการดำเนินการแล้วมาระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจนั้นไม่ดีนะครับแต่เทคนิคการลงทุนแบบดันโดนี้จะเจาะจงไปที่ธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำจริง ๆ และต้องมีข้อมูลเพียงพอที่จะมาวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ด้วย
2.เป็นธุรกิจที่เรียบง่าย
วิถีแห่งดันโดนั้นจะมองหาธุรกิจที่ไม่ซับซ้อนแต่ค่อยเป็นค่อยไป ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวน้อย ซึ่งตรงนี้สำคัญมากนะครับเพราะจะช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์ถึงผลการดำเนินงานในอดีตจากงบการเงินและคาดการณ์อนาคตได้อีกด้วย
3.เป็นธุรกิจที่มีปัญหาในอุตสาหกรรมซึ่งกำลังอยู่ในภาวะลำบาก
ในภาวะที่อุตสาหกรรมกำลังแย่หรือในขณะที่บริษัทนั้น ๆ กำลังมีปัญหานักลงทุนส่วนใหญ่จะคิดว่า เอ้ยหนีดีกว่าแต่การลงทุนแบบดันโดนั้นจะเน้นหาของดีราคาถูกเมื่อวิกฤตผ่านไปธุรกิจที่อยู่รอดจะกลับมาสดใสอีกครั้ง ยังได้ยกย่องคำกล่าวของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ว่า ”จงกลัวในขณะที่คนอื่นๆ กำลังโลภ และจงโลภเมื่อใครๆ ต่างพากันกลัว”
4.เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอันยั่งยืน
วิถีแห่งดันโดนั้น จะมองหาธุรกิจที่มีการบริหารจัดการที่ดี ทำให้มีต้นทุนต่ำ เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เหนื่อกว่าคู่แข่ง แต่ก็ยากที่ธุรกิจจะมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขันตลอดไป ดังนั้นธุรกิจที่ดีจึงต้องมีการปรับตัวครับ
5.เดิมพันน้อยอย่าง แต่เดิมพันหนักๆ
ออกหมัดแต่ละครั้งต้องหวังงน็อคครับมีใครบ้างที่ไม่หวังน็อคคู่ต่อสู้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เทหมดหน้าตักครั้งเดียวหมดนะครับ จะหนักแค่ไหนขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะที่ได้รับผลตอบแทนนั้น หรือทางที่ดีของทำการ Average Price ด้วยจะดีมากครับ
6.มองหาโอกาสทำอาบริทราจ
การทำอาบริทราจคือ การทำกำไรจากส่วนต่างราคาสินค้า เช่น เราซื้อ เพ็ชรที่ร้านแรก 100,000 บาท ในขณะที่ร้านที่สองราคา 105,000 บาทเราก็นำเพ็ชรที่ซื้อมาจากร้านแรกไปขายยังร้านที่สอง ทำให้เรากำไร 5,000 บาทและเราก็นำเงินที่ได้ไปซื้อเพ็ชรจากร้านแรกอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ
7.หาส่วนต่างเผื่อความปลอดภัย
ส่วนต่างนี้เรียกว่า (Margin of Safety) โดยนักลงทุนแบบดันโดจะหาธุรกิจที่มี (Margin of Safety) เบนจามิน เกรแฮม เคยกล่าวไว้ว่า (Margin of Safety) มีหน้าที่คาดการ์อนาคตอย่างแม่นยำเป็นเรื่องไม่จำเป็น
8.ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีความไม่แน่นอนสูง
อุตสาหกรรมที่อนาคตไม่แน่นอน แต่หากมืดมนต่อไปธุรกิจก็ยังอยู่รอด แต่ถ้ารุ่งเรื่องจะสร้างกำไรอย่างงดงาม “ออกหัวผมได้เงิน ออกก้อยผมเสียเงิน”
9.ลงทุนในพวกลอกเลียนแบบไม่ใช่พวกสร้างสรรค์สิ่งใหม่
วิถีแห่งดันโดนั้นเน้นการลงทุนที่มีความเสียงต่ำ ดังนั้นสิ่งที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ อาจมีความเสี่ยงสูงเกินไป ดังนั้นจึงเลือกสนับสนุนในธุรกิจที่มีอยู่แล้วมากกว่า หรือมีการก็อบปี้ธุรกิจที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดออกไป วิทีคิดแบบดันโดจึงต้องหาผู้บริหารที่เก่งๆ มาต่อยอด
สรุป
เห็นมั้ยครับวิถีแห่งชาวดันโดนั้นจะเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นหลักหรือธุรกิจที่ดีแต่กำลังประสบปัญหาแต่ในระยะยาวมีโอกาสที่จะพ้นวิกฤต ไม่ยากเลยนะครับเพื่อนๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูได้ครับเชื่อว่าสามารถทำกำไรให้เพื่อนๆ ได้ไม่มากก็ไม่น้อยครับ
Reference : The Dhando Invester Book