#มือใหม่เริ่มลงทุน

"อย่าปล่อยให้เงินคุณนอนอยู่เฉยๆ" My Way My Investment EP.16

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
245 views

อย่าปล่อยให้เงินคุณนอนอยู่เฉยๆ


 

สวัสดีเพื่อนๆนักอ่าน และนักลงทุนทุกท่านค่ะ กลับมาพบกับอีกครั้งกับ โปรเจกต์ดีๆ ที่เราพวกเราชาว stock2morrow ตั้งใจทำขึ้น เพราะเราเชื่อว่า #ทุกอาชีพสามารถลงทุนได้ กับโปรเจกต์ My Way My Investment เผลอแป๊บเดียวเรามาถึง EP.16 กันแล้วนะคะ และครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เรามาพร้อมกับอาชีพ พนักงานบริษัท  ในตำแหน่ง Business Development จากบริษัทพี่น้องในเครือของ 2 morrow group เองอย่าง Prop2morrow คุณส้ม ชนกพร สุวรรณโพธิ์ศรี หญิงสาวอารมณ์ดี และทัศนคติที่เป็นบวกอยู่ตลอดเวลา สร้างรอยยิ้มให้ทีมงานตลอดการสัมภาษณ์ ประสบการณ์การลงทุน และประสบการณ์ชีวิตที่คุณส้มเจอ จะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง..อยากรู้แล้วใช่ไหมคะ เราไปเริ่มบทสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าเนอะ

 

Q: แนะนำตัวให้พวกเรารู้จักหน่อย แล้วตอนนี้ลงทุนอะไรอยู่บ้าง?

 

สวัสดีค่ะ ชื่อ ส้ม ชนกพร สุวรรณโพธิ์ศรี อายุ 27 ปี ตอนนี้เป็นหนึ่งในทีมของ Prop2morrow ตัวบริษัทคือเป็น Marketing solution Agency ส้มอยู่ต่ำแหน่ง Business Development หน้าที่คือพัฒนาภาพรวมขององค์กร มีโปรดักส์อะไรในตลาดที่น่าสนใจก็ต้องเอามาลองวิเคราะห์ว่าเหมาะกับบริษัทมากน้อยแค่ไหน ทำแล้วเกิดกำไร ก้าวหน้าหรือป่าวประมาณนี้ค่ะ ตอนนี้ส้มก็มีลงทุน ในสลากออมสิน มีฝากประจำของทวีสิน แล้วก็มีลงทุน ไม่สิ เรียกว่า ออมในหุ้นดีกว่าค่ะ (ยิ้ม)

 

Q: ช่วยเล่าจุดเปลี่ยน ที่ทำต้องเริ่มสนใจการลงทุนให้พวกเราฟังหน่อย?

 

ตอนแรกที่เริ่มมาจากช่วงที่คุณแม่ป่วยมากๆ จริงๆรู้ตัวนะว่าส้มเองเป็น คนเก็บเงินเก่งนะ แต่เป็นเงินที่นอนนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร พอคุณแม่ป่วยมันมีเงินค่าใช้จ่ายที่เป็นส่วนเกินจากประกัน เราต้องก็เอาเงินเก็บของเรามาจ่ายให้เขา พอมันต้องใช้เงินไปกับส่วนที่มันเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องจำเป็นก่อน เราก็ไม่ได้เอาเงินไปใช้ในเรื่องอื่นๆ อย่างของที่เราอยาก หรืออะไรที่เราอยากทำ หรือเราเอง บางทีเป็นเรื่องฉุกเฉินเหมือนกัน อย่างตอนนั้น รถพัง คือแทบไม่มีเงินเหลือเลย ก็คิดได้ตอนนั้นเลยค่ะว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้นะ เราน่าจะเอาเงินที่มันอยู่เฉยๆ ตรงนั้นอ่ะ ไปทำให้มันเกิดประโยชน์มากกว่านี้ ให้มันงอกเงย มันรู้สึกเหมือนเงินมันหายไปแบบ ยังไม่ทำทันอะไรเลย การเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในชีวิตนะ แต่เราไม่ทันได้คิดไง เพราะไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงในชีวิต ซึ่งก็เนี่ยแหละค่ะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องเริ่มลงทุน เราต้องมีแผนสำรองแล้วแหละ

 

 

Q : แล้วตอนนั้นเริ่มต้นจากอะไร?

เริ่มต้นเลย คือเริ่มจากศึกษาก่อน เราเห็นที่เขาลงทุน เราเห็นคอมเมนต์ต่างๆว่า เห้ย! ทำไมเขาลงทุนแล้วทำยังไง ทำไมมันได้เพิ่มขึ้น การลงทุนมันมีอะไรบ้างก็เกิดคำถามในใจแล้วก็ลองไปศึกษา ตอนแรกสุดที่เราคิดว่า ปลอดภัยที่สุดเลยตอนนั้นเราซื้อสลากออมสิน ก็เป็นความแบบคนไทยนะ เรารู้สึกว่า ซักวันนึงเราก็จะต้องถูก (หัวเราะ) เราไม่ต้องไปซื้อหวยไง หวยคือถ้าไม่ถูกคือศูนย์ไปเลย แต่ถ้าฉลากออมสินต่อให้ไม่ถูก แต่เงินเราก็ยังอยู่ หลังจากสามเดือน ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นเราก็ถอนเงินออกมาได้ หมายความว่า เราแทบไม่เสียอะไรเลย หลังจากนั้นก็มองเรื่องการลงทุนในหุ้นต่อค่ะ เพราะว่าได้ทำงานกับพี่คนนึง ที่เขาเป็นนักลงทุนในหุ้นจริงๆอ่ะ ตอนนั้นคือเราก็เห็นพี่เขานั่งเล่นแบบ ยังไงละ คือเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอตอนหลังถึงมารู้ว่าเป็น Steamning มันเป็นโปรแกรมที่คนในวงหุ้นเขาไว้เช็คตลาดกัน ก็มองว่าามันน่าสนใจ ก็เลยเอาเงินส่วนนึง แบ่งจากรายรับ ออมไว้ก่อนส่วนนึงแล้วเริ่มเอาเงินตรงนี้มาลงทุน  ตอนนั้นคือลองเลยนะ ไม่ได้ศึกษาอะไรเลยนะ แค่อยากลงทุนตรงนี้ ดูกราฟ ดูงบอะไร ไม่ก็เป็นเลย คือตามอารมณ์ล้วนๆ

 

Q: ตัวเองทำงานในวงการอสังหาฯ ได้มองการลงทุนรูปแบบนี้ไว้บ้างไหม?

เกือบแล้วนะคะ การลงทุนในอสังหาฯ แต่ว่าตอนนั้น เรียกว่าเป็นความผิดพลาดได้ไหม คือเป็นช่วงที่อสังหาฯ Boom มากๆเลย ถ้าทุกคนยังพอจำได้ แคมเปญต่างๆ ที่ออกมาคือ ดึงดูดน่าสนใจอย่างแบบ ซื้อคอนโดพร้อมเงินเหลือ ซื้อคอนโดแถมเงินออม ความรู้สึกมันคือ เห้ย! มันดีว่ะ เป็นทาสการตลาดสุดๆ แล้วคนที่เขาขายอ่ะ ก็เชียร์แบบ ถ้าคุณซื้อคอนโดแล้วมีเงินเกินจากส่วนนี้มา คุณสามารถเอาไปปิดบัตรเครดิต เอาไปหมุนกิจการเอาไปลงทุนนู้นนี้ได้หมด เราก็หน้ามืดเลยตอนนั้น รู้สึกว่ามันดีไปหมด คืออยากได้เงิน อยากได้คอนโด ตอนนั้นก็คือดำเนินการเตรียมเอกสารแล้วนะ ขอเอกสารจากบริษัท จากธนาคารเพื่อที่ต้องยื่นกู้ใช่ไหม แต่การยืนกู้อ่ะ ก็คือต้องใช้เวลามันทำให้กลับมานั่งคิดทบทวนว่า ถ้ายิ่งกู้สูงเท่าไหร่ มันจะยิ่งเกิดหนี้ระยะยาวในการผ่อน การที่เราจะซื้อคอนโดในแคมเปญแบบที่เขาเสนอมา คือมีเงินเหลืออะไรแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นคอนโดที่อยู่ทำเลที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง มันก็มีข้อดีที่บางคนคิดว่าเขาจะได้มาเงินมาหมุนในธุรกิจหรืออะไรต่างๆ แต่ส่วนตัวเราคิดว่า สำหรับเรามันเป็นข้อเสียมากๆ เราจะไปดูแลคอนโดที่ไกลขนาดนั้นยังไง เราทำงานประจำอยู่ แล้วระยะยาว เราจะปล่อยเช่า หรือขายต่อได้ไหม ตอนนั้นคือเตรียมเอกสารเรียบร้อย แต่สุดท้ายก็มาตัดสินใจได้วันสุดท้าย ว่ามันจะเป็นผลเสียระยะยาว เรายังไม่พร้อมก็เลยยังไม่ได้เริ่มลงทุนในอสังหาฯเลยค่ะ


 

Q : ลงทุนมาสักพัก ศึกษามาหลายประเภทคิดว่า แนวการลงทุนแบบไหนที่ตอบโจทย์ตัวเราเองมากที่สุด

ด้วยความที่เราทำงานด้านอสังหาฯนะ ก็ยังรู้สึกว่าอยากลงทุนด้านนี้อยู่ แต่ถ้าตอนนี้เลยที่ลงทุนไปแล้วคิดว่าเหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด คือการลงทุนในหุ้นนะ ส้มชอบอย่างหนึ่งเลยการลงทุนหุ้น คือมันต้องเลือกหุ้น เหมือนเรากำลังจะไปเป็นส่วนหนึ่งเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ แล้วก็ค่อยๆออมเงินแต่ละเดือนเข้าไปเพื่อสนับสนุนกิจการที่เราเลือกแล้ว ก็คือตอนนี้เล่นหุ้นระยะยาว เป็นการออมมากกว่า แต่ก็เคยมีครั้งหนึ่งที่เล่นหุ้นด้วยอารมณ์ ตอนนั้นคือหุ้นตัวเนี่ยขึ้นไปสูงถึง 21 บาท แล้วมัน Drop ลงมา ตอนนั้นซื้อ 7.5 บาทเราก็คิดว่าเขาจะกลับถึง 21 บาทนะคะ แต่สถานการณ์ปัจจุบันคือตลาดตกลงด้วย ตอนนี้เลยก็คือ หุ้นดอยเลยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 6 บาท 5 บาทเลย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของเรา เป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้ใช้สมองเลย (หัวเราะ)

 

Q : ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ผิดพลาดครั้งที่หนักเหมือนกัน มันสอนอะไรเราบ้าง

ถ้าคุณไม่คิด หรือเล่นหุ้นด้วยอารมณ์มันก็เหมือนคิดสั้นนะ แต่ตอนนั้นโชคดีที่ส้มรู้จักตัวเอง ส้มรู้ว่าส้มรับความเสี่ยงได้เสี่ยงได้เท่าไหร่ เงินของเราเราต้องดูแลเองนะ คุณรู้ว่ารับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ก็ลงทุนเท่านั้น ส้มรู้ว่าตัวเองรับความเสียงที่จะเป็นหนี้ระยะยาวยังไม่ไหว ก็ยังไม่ลง เก็บเงินไปก่อน

 

Q :แบ่งเวลาทำงานกับการลงทุนยังไง

ง่ายมาก เพราะนายไม่อยู่ออฟฟิศ เราจะเทรดตอนไหนก็ได้ (หัวเราะ) หยอกเล่นค่ะ จริงๆด้วยความที่เราออมเงินระยะยาว เรารู้อยู่แล้วว่าตอนไหนที่เราจะต้องทำการซื้อขาย มันก็คือ การออมเดือนละครั้งเอง ของเราคือ ตอนเช้าหลังตื่นนอน บิดขี้เกียดนิดหน่อย อ่านข่าว แล้วก็ดูกราฟตัวที่เราลงทุนแค่นั้นว่ามันเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ทุกเดือน ก็คือเอาเงินใส่เข้าไป ส้มจะแบ่งง่ายๆเลยนะ สมมุติเดือนนึงนะ เงินเดือนมา 1ก้อน 10% ลงฉลากออมสิน 10% ลงหุ้น 10% ลงทวีสินบัญชีฝากประจำ ที่เหลือก็ใช้จ่ายที่อยากจะทำ


 

Q: ถือว่าอันนี้เป็นเคล็ดการลงทุนของเราได้ไหม

ก็ได้นะคะ คล้ายๆอยู่ จริงๆก็อิงมา จาก 6 Jars เป็นอีกหนึ่งทฤษฎี ที่ช่วยบริการการใช้จ่ายให้สมดุลได้เลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเรารู้เราต้องลงทุนอะไร แต่เป็นการมีวินัยในการออม วินัยในการลงทุน ทำแค่ครั้ง หรือสองครั้ง หรือแค่ 1 ปี มันไม่เห็นผลนะคะ ความสม่ำเสมอเท่านั้นที่จะให้คุณประสบความสำเร็จ

 

 

Q : อาชีพของเราตอนนี้  มีประโยชน์ หรือเป็นอุปสรรคยังไงบ้างกับการลงทุน

 

แทบมองไม่ออกเลยว่า อาชีพของเราจะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนยังไง ตอนนี้คือรายได้หลักของเรามาจากการทำงานประจำใช่ไหมคะ การลงทุนเราเริ่มจากการที่มันเป็นงานอดิเรกก่อน วันหนึ่งเราอาจจะอยากมีอิสระที่จะเป็นนักลงทุนเต็มตัวแต่ว่าถ้าเราไม่เริ่มแบบนี้ เราจะไม่ได้ล้มลุกคลุกคลาน เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเส้นทางมันเป็นยังไง และมองว่าการมีอาชีพตรงนี้เป็นข้อดี เพราะมันสร้างรายได้หลักเราให้เรา เพื่อเอาไปลงทุนต่อ อีกอย่างหนึ่งคืองานที่ทำ ตอนนี้คือทำกับ Propachill เป็น Platefrom ที่ทำเกี่ยวกับการเช่าอสังหาฯ เจ้าของห้องกับผู้เช่ามาเจอกันง่ายขึ้น เจอกันเร็วขึ้น ทำให้เรารู้จักคนมากขึ้น รู้จักนักลงทุนมากขึ้น พอเห็นพวกเขา เราก็รู้สึกว่า วันหนึ่งเราอยากเป็นแบบนั้น ยิ่งที่เวลาเขาพูดเรื่องการลงทุน เราก็เหมือนเก็บเล็กผสมน้อย ครูพักรักจำ เอามาใช้ต่อวิเคราะห์ต่อได้ (หัวเราะ)


 

Q: ฝากบอกอะไรถึงเพื่อนๆ ที่อยากลงทุนหรือเป็นมือใหม่หน่อยค่ะ

 

การลงทุนอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องใหญ่โต หรือ ไกลตัว ตัวส้มเองก็มีทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัวที่ไม่ได้ลงทุนเหมืนกัน อยากให้มองอนาคตเอาไว้ว่าวันที่เราไม่สามารถทำงานได้แล้ว ดูแลตัวเองไม่ได้แล้ว ใครจะมาดูแลเรา ถ้าเรารูจักออมเพื่อไปลงทุนตอนนี้ มันก็ยังไม่สายนะคะ ยิ่งเราออมก่อน ลงทุนก่อนคนอื่น เราจะมีผลลัพท์ที่ดีกลับมาก่อนคนอื่น เข้าใจว่าหลายคนอาจจะกลัวนะคะการลงทุน ถ้าลงทุนไปแล้วมัน Fail มันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าไม่ Fail สิแปลก Fail เป็นเรื่องที่ดีนะคะ มันให้คุณได้เรียนรู้และจะจดจำเข้าไปถึงแกนสมองเลยว่าจะไม่ทำแบบเดิมอีกแล้ว ลงทุนเถอะค่ะเพื่อตัวเอง เงินเราเองเราดูแลเองดีกว่า ไปฝากไว้มันก็ดีแต่ต้องมีวิธีที่ทำให้เขาเติบโตด้วยนะคะ

 

 

Q: ให้กำลังใจกับคนที่เริ่มลงทุนไปแล้วแต่ผิดพลาด แล้วยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเริ่มใหม่อีกครั้งหน่อยค่ะ
 

ก็ไม่เป็นไรนะคะ คนเราทุกคนมีความกล้า มีความกลัวได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือกลัวจนไม่ทำไม่อะไรเลย ที่ทำตอนนี้คืออยู่เฉยๆ ส้มไม่อยากให้คุณมาเสียใจเหมือนส้มวันนั้นที่ต้องเอาเก็บออกมาใช้จ่ายยามที่จำเป็นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย มันเป็นช่วงเวลาแย่นะ เสียดายที่ปล่อยมันไว้เฉยๆ ไลฟ์สไตล์การใช้เงินของแต่คนต่างกัน แต่เราเข้าใจนะ คำถามคือแค่คุณจะเอาเงิน มันมาใช้ยังไงเพื่อให้มันได้มากกว่าเดิม เท่านั้นเองค่ะ

 

เราขอจบบทสัมภาษณ์นี้ไปด้วยคำถามของคุณส้มที่ฝากให้เพื่อนทุกคนได้ไปคิดต่อว่า คุณจะเอาเงิน มันมาใช้ยังไงเพื่อให้มันได้มากกว่าเดิม ลองตั้งคำถามในใจแล้วหาคำตอบนะคะ เชื่อว่าจะทำให้เพื่อนได้เริ่มศึกษา เริ่มลงทุนกันซักที..แล้วครั้งหน้าเราจะเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ประสบการณ์การลงทุนจากอาชีพไหนอีกอย่าลืมติดตามกัน เพราะเราเชื่อว่า #ทุกอาชีพลงทุนได้ แล้วพบกันค่ะ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง