นักลงทุนแนวพื้นฐานวีไอจะตัดสินใจลงทุนเมื่อหุ้นนั้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง จึงเป็นที่มาของคําถามคลาสสิกมากๆ เกี่ยวกับการหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ (Intrinsic Value) ว่ามันคืออะไร? หามาอย่างไร? อ่านหนังสือกี่เล่มๆ ก็ไม่เข้าใจ ผมจึงขอเอาหลักการมาเล่าให้ฟังเป็นไอเดียเบื้องต้น
ผมอยากให้ลองเปรียบเทียบกับการซื้อขายนักเตะระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทีมชาติโปรตุเกส โรนัลโด้นั้นเป็นนักเตะอัจฉริยะที่ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ และมีเสน่ห์ดึงดูดแฟนฟุตบอลทุกเพศทุกวัย เขาย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาค้าแข้งที่ทีมราชันย์ชุดขาว รีลมาดริด ยอดทีมสโมสรจากสเปน ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกในขณะนั้น คําถามก็คือ บอร์ดบริหารของ ทีมรีลมาดริด ใช้อะไรมาวัดว่า ค่าตัวนักเตะคนนึง 4,500 ล้านบาทคือสิ่งที่ ควรตัดสินใจ “ซื้อ”
ผมคิดว่าทีมงานรีลมาดริดต้องคํานวนหา “มูลค่าที่แท้จริง” ของ โรนัลโด้ ถามต่อว่าแล้วมูลค่าที่แท้จริงควรวัดจากอะไร? วัดจากจํานวนประตู ที่ทําได้? วัดจากจํานวนครั้งที่ลงสนาม? หรือวัดจากความหล่อ?...หรืออะไร?
สิ่งที่สโมสรผู้ลงทุนคาดหวังก็คือความสามารถในการสร้างกระแสเงินในอนาคตที่ทีมจะได้รับจากการชื้อโรนัลโด้ครั้งนี้ สมมติว่าเซ็น สัญญา 5 ปี ก็ต้องตอบให้ได้ว่า กระแสเงินสดที่ทีมจะได้รับจากการมีโรนัลโด้ แต่ละปีๆ ควรเป็นเท่าไหร่
เช่น รายได้จากการขายเสื้อ รายได้ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดที่จะเพิ่มขึ้น รายได้ส่วนแบ่งโฆษณาที่ทีมจะได้รับเพิ่มขึ้น สปอนเซอร์ติดเสื้อที่จะจ่ายให้ทีมมากขึ้น รายได้จากโปรแกรมเดินสายแข่งโชว์ในเอเชีย และประมาณการยิงประตูที่โรนัลโด้ควรจะทําได้ เพื่อจะพาทีมได้แชมป์ลาลีกา ลีกสเปน, แชมป์โกปาเดลเรย์ ถ้วยสูงสุดสเปน และแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก สุดยอด แชมป์เหนือแชมป์แห่งสโมสรทวีปยุโรป ฯลฯ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองหมดครับ
ประมาณการกระแสเงินสดที่จะได้รับเพิ่มเติมจากการที่มีโรนัลโด้ ในทีม ปีที่ 1, 2, 3, 4 และ 5 ควรจะมีกระแสเงินสดเหล่านี้เท่าไหร่ ซึ่งการ ประเมินกระแสเงินสดสุทธิแต่ละปีเราเรียกว่า กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow หรือ FCF) ปีที่ 1 (FCF1), ปีที่ 2 (FCF2), จนถึงปีที่ 5 (FCF5) ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสัญญา
หลังจากนั้นก็เอามาคํานวณเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) โดยการคิดกลับด้วย Discount Rate (อัตราคิดลด) ด้วยต้นทุนเงินทุนของทีมรีลมาดริด เค้าใช้ค่า WACC หรือ Weighted Average Cost of Capital หรือ ต้นทุนเงินทุนเฉลี่ยระหว่างเงินกู้กับเงินทุนของเจ้าของทีม วิธีการวัดมูลค่าแบบนี้เรียกว่า “Discounted Cash Flow” หรือ DCF นั่นเอง
ถ้า Net Present Value ออกมาสูงกว่า 4,500 ล้านบาท ก็แสดงว่ามูลค่าที่โรนัลโด้จะสร้างให้กับทีมสูงกว่าค่าตัว “ให้ตัดสินใจซื้อ” แต่ถ้ามูลค่าที่คิดได้ต่ํากว่า 4,500 ล้านบาท “ก็ไม่ควรซื้อ" หรือให้ไปต่อรองลดราคา กับ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูซัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อให้ดีลจบ
ดีลนี้เกิดขึ้นไปแล้วในปี 2009 มูลค่าการซื้ออยู่ขายที่ 4,500 ล้าน บาท ณ ขณะนั้นโรนัลโด้ลงแข่งให้ทีมรีลมาดริดไปแล้ว 116 นัดยิง 125 ประตู เคยได้รับตําแหน่งดาวซัลโวประจําลาลีกา เคยพาทีมได้แชมป์ลาลีกา และ เป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนบอลสโมสรรีลมาดริดทั่วโลก ให้ติดตามชมถ่ายทอดสดแบบนี้ผมคิดว่าคุ้มค่านะ
จุดอ่อนหรือข้อยากของ DCF ก็คือการประเมินกระแสเงินสดที่จะเกิดในอนาคตนี่แหละ เวลานักวิเคราะห์จะประเมินราคาหุ้นซักตัวด้วย DCF นั้นจะต้องประมาณการรายได้ รายจ่าย เพื่อคํานวณหา “กระแสเงินสดอิสระ" หรือ Free Cash Flow (FCF) ไปในอนาคต ปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีที่ 3 ไป เรื่อยๆ ตราบเท่าที่มีข้อมูล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทําได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะเมื่อต้องประมาณการไปในอนาคตหลายๆ ปี เมื่อได้ FCF ปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีที่ 3 ไปเรื่อยๆ แล้ว จึงคิดกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันด้วย Discount Rate (อัตราคิดลด) ด้วยต้นทุนเงินทุนของบริษัท ซึ่งก็คือ WACC นั้นเอง
เมื่อได้มูลค่าของทั้งบริษัทแล้ว ถ้าต้องการ“มูลค่าต่อหุ้น” ก็เอา จํานวนหุ้นทั้งหมด (Total Outstanding Share) ไปหาร เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการคำนวณ
นี่คือหลักการคร่าวๆ ของ DCF หรือการประเมินมูลค่าแบบ Discounted Cash Flow Technique จริงๆ แล้วยังมีวิธีประเมินมูลค่าอีกหลายวิธีนะครับ บทนี้เอาเบาๆ ประมาณนี้ก่อนนะครับ