อ่อ.. !! ลืมบอก ถ้าเป็นหุ้นนี่ต้องวิ่งขึ้นนะ วิ่งลงพร้อม Volume นี่วงแตกกันเลย อ่ะต่อๆ เมื่อ Volume เข้ามาจนมีปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ยของ Volume สัก 3 เท่า แบบนี้ น่าจับตาแล้วครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ปกติ เทรดกันวันละ ประมาณ 1 ล้านหุ้น เป็นแบบนี้มาตลอด พอเราใส่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 วันของ Volume เข้าไป เราจะเห็นว่าปริมาณการซื้อขายต่อวัน ก็วิ่งเตาะแตะ อยู่แถวๆ นั้น แบบนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้าวันนี้ราคาปิดดี คือปิดบวก แล้วมีปริมาณการซื้อขายมากกว่าค่าเฉลี่ย 3 เท่า จากที่เคยเทรด 1 ล้าน กลายมาเป็น 3 ล้าน 5 ล้าน แบบนี้ ไม่จับเข้า List คงทนไม่ไหวแล้ว ไม่ได้บอกว่าให้กระโจนเข้าซื้อนะครับ เพราะ Volume มันเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งในเงื่อนไขการซื้อเท่านั้น ต้องรอสัญญานซื้อของเราให้ครบซะก่อน
ถ้าใครมีเวลาเฝ้าจอ หรือ Day trade ถ้าตอนเช้าพบว่าปริมาณการซื้อขายในชั่วโมงแรก หนาแน่น จนใกล้เคียงค่าเฉลี่ยแล้ว ประกอบกับราคามีแนวโน้มขึ้น แบบนี้ยิ่งเตรียมหาจังหวะซื้อดีๆ เลย
อีกวิธีหนึ่งที่บ่งบอกความน่าสนใจด้วย Volume ที่ผมมักใช้บ่อย หาก Volume เข้ามาจนเราจับหุ้นตัวนั้นเข้า List มาแล้ว และวันถัดมา ชั่วโมงแรกๆ ของการเทรด มี Volume เข้ามาเกินครึ่ง ของแท่ง Volume เมื่อวาน แบบนี้ เตรียมตัววิ่งกันเลยทีเดียวครับ
.
ความผิดพลาดที่มักเกิดบ่อยๆ จากการ “พยายาม” เทรดด้วย Volume คือ บางคนยังดูกราฟไม่เป็น ดูจากราคาและปริมาณการซื้อขายจาก Streaming เอา แล้วเห็นมีการซื้อขายมากๆ ก็ดันไปทึกทักเอาว่า วันนี้ Volume เข้า แล้วก็คอยจะถามว่า Volume เข้ามากแบบนี้ ซื้อเลยได้มั้ยค่ะ ผมมักจะตอบกลับไป ว่า คำว่า Volume เข้ามากนี่ เทียบจากอะไร? เพราะดูจาก Streaming มันแค่บอก Volume ของวันนี้ และไม่สามารถอ้างอิงย้อนหลังได้ ถ้าจะใช้ Streaming เป็นตัวกรองหุ้นด้วย Volume เราอาจจะพิจารณาเอาจาก Most Active Volume ครับ แล้วเอาพวกติด List ไปเปิดกราฟ เพื่อดูทรงของราคา และเทียบเรื่อง Volume อีกที แบบนี้ ปลอดภัยกว่า อย่าหลับหูหลับตา ดูจาก Streaming แล้วกระโดดเข้าไปตะลุมบอนเลย ไม่งั้นบอกเลย จบไม่สวย