โดยปกติ การพิมพ์ธนบัตรของแต่ละประเทศในโลกใบนี้ สมัยก่อนจะต้องมีทุนสำรองเป็นทองคำเป็นตัวประกัน แบบว่ามีทองคำเท่าไร ก็พิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ได้เท่านั้น ปัจจุบันไทยเราใช้ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ เป็นสินทรัพย์ที่หนุนหลังธนบัตรออกใช้ จะต้องรักษาและกันไว้ต่างหากจากทรัพย์สินอื่น ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในค่าของธนบัตรและเป็นหลักประกันว่าการออกใช้ธนบัตร มีขอบเขตอยู่เท่ากับสินทรัพย์ที่จะมาเป็นทุนสำรองเงินตรา
สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจของโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐซึ่งเป็นมหาอำนาจในสมัยนั้นจากผู้นำในการชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้สหรัฐเป็นผู้นำของโลกนับแต่นั้นมา อำนาจในมือของสหรัฐล้นเหลืออย่างหาที่สุดไม่ได้ จนกระทั่งปี 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐฯได้ออกมาประกาศยกเลิกการใช้ทองคำหนุนหลังธนบัตร
ทำให้สหรัฐฯเป็นเพียงชาติเดียวที่สามารถพิมพ์ ธนบัตรออกมาเป็นปริมาณเท่าใดก็ได้ และในปี 2008 เกิดวิกฤติอสังหา (Subprime) แตกในสหรัฐ และ FED ก็ได้พิมพ์เงินดอลลาร์ ออกมาใช้มากกว่าระดับปกติถึง 3 เท่าตัว เพื่อเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงเศรษฐกิจเพราะรัฐบาลเองประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถใช้นโยบายการคลังอุ้มได้แล้ว
ตั้งแต่มีการตั้ง FED ในปี 1913 และ ประธานาธิบดี นิกสัน ยกเลิกผูกเงินดอลลาร์กับทองคำในปี 1971และจะเห็นว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาภาวะเงินเฝืดก็แทบไม่เคยปรากฏในระบบเศรษฐกิจสหรัฐอีกเลย และด้วยเงินดอลล่าคือสกุลเงินหลักของโลก ทำให้ภาวะข้าวของแพงระบาดหนักไปทั่วโลก และมันเป็นจุดเริ่มความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจสหรัฐในทศวรรษหน้า
การซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกแต่ก่อนต้องใช้เงิน ดอลลาร์เท่านั้น
การซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกกำลังจะเปลี่ยนไปใช้เงินตราสกุลอื่น เช่น ยูโร หรือเยนที่เกิดจากการผลักดันของประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา และล่าสุด ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปก (OPEC) ครั้งที่ 146 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่เมืองอาบู ดาบีประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ผ่านมานี้ อิหร่านได้กระโดดเข้ามาผลักดันแนวคิดนี้
อย่างจริงจังโดยเสนอให้ตั้งธนาคารโอเปกขึ้นมา และให้เลิกซื้อขายน้ำมันในตลาดโลกด้วยเงินดอลลาร์ททำให้การเลิกใช้เงินดอลลาร์เป็นการคุกคามเศรษฐกิจสหรัฐ
การที่อเมริกาเป็นประเทศเดียวที่สามารถขาดดุลชำระเงินและขาดดุลการค้าได้มากขนาดนี้หรือเรียกว่า "การขึ้นรถฟรี (free rider)" ก็เพราะได้ใช้อิทธิพลทำข้อตกลงกับกลุ่มประเทศโอเปกเมื่อปี 1971 ให้การซื้อขายน้ำมันโลกใช้เงินดอลลาร์เพียงสกุลเดียว ข้อตกลงนี้ทำให้ทุกประเทศที่บริโภคน้ำมัน ต้องสะสมเงินดอลลาร์เพื่อใช้ในการซื้อน้ำมันเข้าประเทศ และการซื้อขายน้ำมันโลกร้อยละ 85 ซื้อขายกันนอกประเทศสหรัฐอเมริกาและหมุนเวียนกันอยู่ภายนอกอเมริกา
ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางสหรัฐจึงสามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาได้อย่างไม่จำกัด(ตามข้อตกลงของไอเอ็มเอฟ โดยที่ไม่ต้องมีทองคำมาสำรองตามจำนวนที่พิมพ์ออกมา) และไม่ต้องหวั่นว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นภายในประเทศ เพราะ
1.เงินที่พิมพ์ออกมานี้ก็คือเงินที่ใช้ในการซื้อสินค้าหรือจ่ายหนี้ให้ประเทศที่สหรัฐนำเข้าสินค้า
2.มาตรฐานชีวิตคนสหรัฐจึงสูงที่สุดในโลก เพราะพิมพ์เงินออกมาซื้อฟรี กินฟรีสินค้าจาก
3.ทั่วโลกหรือลงทุนในประเทศอื่น ๆ เพื่อหากำไรส่งกลับเข้าประเทศ ประเทศที่ขายสินค้าให้
4.สหรัฐก็นำเงินดอลลาร์มาเป็นเงินสำรอง หรือนำมาไว้ใช้ซื้อน้ำมันมาบริโภค และเพื่อนำเข้ามาผลิตสินค้าไว้ขายสหรัฐต่อไปเป็นวงจรหรือไม่ก็นำมาซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ (U.S. Treasury Bonds) ซึ่งก็คือ นำเงินที่ขายสินค้าได้ดุลมาให้สหรัฐที่เป็นผู้บริโภคกู้เพื่อนำมาซื้อ สินค้ากลับไปกินไปใช้ใหม่ (recycle)