#มือใหม่เริ่มลงทุน

ลงทุนแล้วขาดทุน ก็เหมือนจ่ายค่าเรียน” My Way My Investment EP.14

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
210 views

 

“ลงทุนแล้วขาดทุน ก็เหมือนจ่ายค่าเรียน”

 

สวัสดีเพื่อนๆนักอ่าน และนักลงทุนทุกท่านค่ะ กลับมาพบกับอีกครั้งกับ โปรเจกต์ดีๆ ที่เราพวกเราชาว stock2morrow ตั้งใจทำขึ้น เพราะเราเชื่อว่า #ทุกอาชีพสามารถลงทุนได้ กับโปรเจกต์ My Way My Investment มาถึง EP.14 กันแล้ว และเป็นอีกครั้งที่พาเพื่อนๆมาเรียนรู้วิธีการลงทุน ใบแบบของอาชีพ พนักงานประจำ กับ คุณ อ๋อง อายุวัฒน์ Education partnership associate & Graphic designer  บทสัมภาษณ์ของคุณอ๋อง เป็นมุมมองที่จะช่วยให้เพื่อนๆที่ยังไม่กล้าเริ่มลงทุน เพราะกลัวว่าจะขาดทุน มองการลงทุนในวิธีที่ต่างออกไปซึ่งจะเป็นยังไงนั้น..เราไปเริ่มบทสัมภาษณ์กันเลยดีกว่า

 

Q. แนะนำตัวเองให้เรารู้จักหน่อย แล้วตอนนี้ลงทุนอะไรอยู่บ้าง?

สวัสดีค่ะ ชื่ออ๋อง อายุวัฒน์นะคะ อายุ26 ปี ปัจจุบันเป็นพนักงานประจำค่ะ ดูแลสาขาของสถาบันสอนภาษา และควบตำแหน่งกราฟฟิกดีไซน์ไปด้วยเลย ตอนนี้ที่ลงทุนอยู่ก็มีหุ้นอย่างเดียวเลยค่ะ


 

Q.เริ่มรู้จักการลงทุนได้ยังไง?

มันเริ่มจาก คำว่าไม่พอ รายได้เข้ามา 30,000 ได้เงินแบบนี้ไปปีหนึ่ง คุณจะใช้ชีวิตโดยใช้เงิน 30,000 ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณอยากจะหาเงินเพิ่ม การลงทุนจะทำให้มีชีวิตที่ได้มันมากกว่า 30,000 ต่อเดือน เชื่อเถอะว่า ทำอะไรที่มันมากกว่าเดิม ยังไงเราก็ต้องได้ผมตอบแทนที่มันมากกว่าเดิมอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่จะเริ่มทำงานประจำ คือเคยลงทุนในรูปแบบของธุรกิจมาก่อน คือทำแบรนด์เสื้อผ้ากับเพื่อน แต่พอทำไปแล้วสุดท้ายก็คือไม่ประสบความสำเร็จค่ะ เราก็มานั่งคิดดูนะว่ามันเกิดจากอะไร คือเราเป็นคน ขี้เกียจ พอเรียนจบปุ๊บ มาทำแบรนด์เสื้อผ้าเลย อย่างแรกที่ต้องมีคือวินัย ก็ไม่มี ขาดความรับผิดชอบ การเปิดแบรนด์เสื้อผ้า คือเป็นเจ้าของธุรกิจหนึ่งแล้ว ความรับผิดมันเยอะมากนะ เราบังคับตัวเองไม่ได้ ให้ขยัน ให้ขายของ ให้หาช่องทางโปรโมทต่างๆ เราบังคับตัวเองให้ทำไปถึงเป้าไม่ได้เลย อันนี้แหละเป็นข้อเสียของเรา วิธีแก้คือ ต้องมาทำงานประจำ ข้อดีของงานประจำเลย เราถูกบังคับอย่างน้อยก็คือเรื่องกรอบเวลาเข้าออกงาน ต้องตื่นกี่โมง ต้องมาทำงาน กี่โมง หน้าที่มีอะไรบ้าง เหมือนเป็นการฝึกตัวเองไปด้วย งานประจำเนี่ยแหละค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุน เราได้เงินมาทุกเดือนแล้วก็ใช้หมดไปทุกเดือน วนไปแบบนี้ ก็มานั่งคิดว่า ถ้าเงินมันเข้ามา แล้วเก็บเงินบ้าง มันก็ทำให้เรามีแค่เงินเก็บเนอะ แต่ถ้าเราไปลงทุนมันจะมีสิทธิ์ที่เงินมันจะเพิ่มขึ้น พอดีกับเล่นโซเชียลมีเดีย เห็นเพื่อนคนอื่นๆ ที่เป็นพนักงานประจำเหมือนกัน เพื่อนโพสคอนเท้นต์กี่ยวกับหุ้น พอทักไปคุยไปถามว่ามันคืออะไร เพื่อนก็ชวนให้ลองเก็บเงินออมด้วยหุ้น

 

 

Q.เริ่มลงทุนมานานแค่ไหนแล้ว?

ประมาณ แค่ 1 ปี เองค่ะ คือนับตั้งแต่เริ่มทำงานประจำเลยก็เริ่มศึกษาหุ้นมาเรื่อยๆ ยังเป็นมือใหม่มาก พอดีกับว่างานประจำที่เราทำเป็นงานประจำที่มีเวลา เราสามารถจัดสรรเวลาได้เลย ถ้าดูแลเด็กๆเสร็จ ทำกราฟฟิกเสร็จ ก็จะมีเวลามาดูตลาด หรือศึกษาข้อมูลการลงทุน ซึ่งเป็นข้อดี ที่จะทำให้เราได้มากกว่าพนักงานประจำคนอื่นๆ ตรงที่เราพอจะจัดเวลาเองได้

 

Q. คิดว่าการลงทุนในหุ้น มันเป็นการลงทุนที่เหมาะกับเราไหม จริงๆมันมีการลงทุนอีกหลายอย่างเลย

ถ้า ณ ตอนนี้ก็คิดว่ามันเหมาะกับเรานะ ยังสนุกกับมันอยู่ เราชอบตรงที่เราเห็นมันได้ทุกวัน มันทำให้เรามองเห็นตัวเองทุกวัน รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย วันนี้จะกำไร หรือวันนี้จะนี้จะขาดทุน มันเห็นทุกอย่างเป็นวินาที เพราะเราเป็นคนชอบอะไรเร็วๆ ตัดสินใจเร็ว คือหุ้นเราเห็นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุด รู้สึกว่าหุ้นมันเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร เราบังคับตัวเราเอง เราจะซื้อจะขาย หรือจะปล่อยไว้ที่เท่าไหร่ มันเป็นการควบคุมของตัวเราเองทั้งหมด

 

Q. เคยมีประสบการณ์ที่พลาด หรือขาดทุนบ้างไหม? ตอนนั้นแก้ไขยังไง?

เคยค่ะ ช่วงแรกเลยที่ลงทุน ยังจับทางไม่ถูกว่าการลงทุนมันต้องเริ่มมากจากอะไร ก่อนเริ่มลงทุน คืออ่านหนังสือมาแค่สองสามเล่มเท่านั้น พออ่านเสร็จ ลองแชร์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน เพื่อนบอกว่าอย่างแรกเลยนะ ที่เราต้องเปลี่ยนคือชีวิตประจำวันของเราเอง โซเชียลมีเดียของเรา พวกนี้ลอง Unfollow สิ่งที่มันไร้สาระ ไม่เกิดประเโยชน์กับตัวเราก่อน ไปกดติดตามพวกข่าวสาร การลงทุนตามเพจต่างๆ ให้มันกลายเป็นธรรมชาติเราเองว่า ทั้งวัน เราเห็นแต่สิ่งพวกนี้ ข่าวการลงทุน หรือเทคนิควิธีการต่างๆ เราจะมีความรู้มาเอง แต่พอเราคิดแบบนั้น ช่วงแรกเลยเราก็คิดว่าเออ เรามีความรู้แล้วนะ เรามั่นใจ เรารู้ข่าว เราเห็นความว่าหุ้นตัวนี้มันดีมันกำลังขึ้น ถ้าเราซื้อตามเราต้องได้กำไรแน่นอน สุดท้ายมันไม่ได้เป็นตามที่เราคิดไว้ เราซื้อตามที่ข่าวบอก เพราะข่าวมันบอกเราก็จริงว่าเราต้องซื้อตอนไหน แต่ข่าวไม่บอกเราด้วยเราต้องขายตอนไหน นอกจากราคามันจะไม่ขึ้นไปถึงจุดเราคิดไว้ หวังไว้ ช่วงที่ราคามันลงมา ราคามันลงต่ำไปกว่าจุดเราซื้อไว้ซะอีก มันทำให้เราขาดทุน  รู้สึก Fail เหมือนกันแต่สุดท้ายมันอยู่ที่วิธีการคิดเลยนะ ส่วนตัวเราเองคิดว่า การขาดทุนเนี่ยมันเหมือนเป็นการจ่ายค่าเรียน เราเป็นนักลงทุนแบบที่ลงทุนด้วยตัวเองใช่ไหมคะ เราไม่ได้ไปสมัครคอร์สเรียนเหมือนคนอื่นเขา เราก็รู้สึกว่าเราต้องยอมเสียในช่วงที่เราลงทุนระยะแรก ซึ่งเป็นมันเป็นประสบการร์ที่สอนเรา คือเราจดไว้หมดนะ ว่าเราขาดทุนเพราะว่าอะไร เราขาดความรู้ด้านไหนอีก เราตามข่าวอยย่างเดียวมันเริ่มไม่พอแล้วนะ แล้วค่อยๆเรียนนรู้จากความผิดพลาดนั้น มีเวลาที่เหลือจากงานประจำ ก็เอาไปเรียนรู้ เพิ่มเติมสิ่งที่เราพลาดไปแล้ว และเรารู้ว่าเราพลาดอะไร

 

Q. ส่วนใหญ่มือใหม่เล่นหุ้นจะขาดทุนเพราะซื้อตามคนอื่น

จริงค่ะ ตอนเป็นมือใหม่มากๆ เราก็คือซื้อตามคนที่เขาดูเก่งอ่ะ ซื้อตามเพื่อน คือเพื่อนก็หวังดีแหละค่ะเค้าก็บอกหุ้นเรานะ เราก็ซื้อตาม แต่อย่างที่เล่าไป เขาบอกว่าให้ซื้อตอนไหน แต่เขาไม่ได้บอกนิว่าต้องขายตอนไหน เราไม่รู้ว่าต้อง Cut Loss ยังไง? ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่า Cut Loss เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าต้องตัดส่วนที่ขาดทุนออก คือทำอะไร ยังไง มันทำให้เราพลาดไป  

 

Q. หลังจากนี้ มีการแผนที่จะเรียนรู้การลงทุนต่อไปยังไง

มองว่าหุ้นเอง ก็เป็นวิธีการหาเงินวิธีเงินวิธีหนึ่ง เงินมันอยู่รอบๆตัวเราเนี่ยแหละคะ มันมีอยู่ว่าเราจะเจอวิธีการหาเงินแบบไหนที่เหมาะกับตัวเองเราเอง เรามีวิธีไหนที่พาเงินมาหาเราได้มากที่สุด และทำยังไง สิ่งที่ต้องมี และคิดว่าเราเองจะทำต่อไป คือต้องมีความรู้ในด้านการลงทุนให้ได้มากที่สุด เพื่อที่อุดรู อุดรอยรั่วของความไม่รู้ ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงออกไป ที่เขาบอกกันว่า การลงทุนมีความเสี่ยง มันมีจริงนะความเสี่ยง แต่ที่เราต้องทำคือปิดเสี่ยงพวกนั้นแหละค่ะ การหาความรู้ ยิ่งรู้เยอะมากเท่าไหร่ จะปิดความเสี่ยงได้เยอะขึ้นมาก และเป็นทางมาของวิธีการที่ทำให้เงินได้เพิ่มมากขึ้นเหมือนกัน

 



 

Q.แบ่งเวลาลงทุนกับทำงานประจำยังไง และมีเคล็ดลับการลงทุนอะไรบ้าง?

 

เอาจริงๆ เราว่าเล่นหุ้นใช้เวลาไม่นาน วันหนึ่งเปิดตลาดสองรอบ เช้า บ่าย แต่การลงทุนจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ช่วงที่ตลาดเปิดหรอก มันคือ ช่วงหลังจากตลาดปิด คือการทำการบ้านหลังจากนั้น พอตลาดปิดเรามาดู เราวางแผนแล้วว่าจะทำยังไง พอเช้ามาก็ตั้งซื้อขายไว้ ใช้เวลาดูมันแปปนึงอ่ะ ถ้ามันไม่เป็นไปตามแผน ก็แก้ไขซะ ใช้เวลาน้อยมากในช่วงที่ตลาดเปิดนะ แต่หลังจากนั้นคือต้องทำการบ้าน ถ้าคนที่เล่นจริงๆ จะรู้ว่ามันขึ้นลงเวลาไหน ไม่ต้องดูหน้าจอตลอดเวลา เพราะเราวางแผน ทำการบ้านมาแล้ว และที่สำคัญคือต้องทำทุกวัน มองว่าตรงนี้แหละเป็นเคล็ดลับการลงทุน ต่อให้หุ้นตัวนี้เราไม่ซื้อขายมันเลยก็จริง แต่เราก็ต้องดูๆ มันไว้ด้วย วันนี้เราไม่ซื้อ ไหนลองวางแผนไว้ ถ้ามันเป็นไปตามแผนเราจริงๆ ก็ค่อยซื้อก็ได้ หุ้นมันยังอยู่กับเราไปตลอด

 

Q. เคยพลาดแล้วเลิกทำแบรนด์เสื้อผ้าไปเลย อย่างหุ้นที่เราพลาด เราขาดทุน คิดว่าอะไรที่ทำให้คิดต่างกัน ทำไมเราถึงยังลงทุนอยู่

 

เพราะเรามีเป้าหมายแล้วนะ  เราตั้งเป้าเลยว่า 1 ปีแรกของการทำงานประจำนี้คือจะลงทุน จะขาดทุน หรือได้กำไร ก็จะลงทุนต่อไปไม่เลิกค่ะ เราตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าเราต้องทำเงินที่ได้จากงานประจำให้ต่อเงินในการลงทุนให้ได้  ครึ่งแรกของการเรียนรู้ คือยอมขาดทุน มองว่าจ่ายค่าเรียนไป คือยอมเสียไปเลย เป็นค่าเรียนของเรา แต่เราจะไม่ยอมกลับไปขาดทุนซ้ำด้วยวิธีการเล่น หรือขายด้วยเทคนิคเดิมๆ ที่ผิดพลาดมาแล้ว เพราะเราได้เรียนแล้ว จ่ายค่าเรียนไปแล้วจริงไหม เรารู้แล้วว่าเราซื้อขายแบบนี้แล้วเราจะขาดทุน เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก ยังไงก็ไม่ล้มเลิกเรื่องหุ้นหรอกค่ะ ถ้าล้มเลิกการลงทุนในหุ้นวันนี้ อนาคต เราไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ หรือกลับไปขายของเราก็ต้องเจ๊งอยู่ดี เพราะว่าเราล้มเลิกอะไรง่ายๆ

 


 

Q.ยังมีหลายคนที่ยังไม่เริ่มลงทุน ฝากอะไรถึงพวกเขาหน่อย บางคนบอกว่ามีเงินน้อยจะเริ่มลงทุนได้ยังไง

 

การลงทุนมันก็เป็นการสร้างเงินทางหนึ่งนะ ถ้าเรามีเงิน 100 บาท เรามีสิทธิ์ในการใช้ทั้งหมด ถ้าเราแบ่งแล้วเก็บออมไว้ 20 บาท ก็คือใช้ 80 บาทตอนนี้แล้วเก็บไว้ใช้อีก 20 บาท ในอนาคต ก็คือได้ใช้แค่ที่เหลือ 20 บาทที่เก็บออมไว้ แต่ถ้าเราลงทุน มันอาจจะกลายเป็น 25 หรือ 100 บาท การลงทุน มันเป็นช่องทางนึงที่จะให้ได้เงินเพิ่มขึ้นมา พนักงานประจำคือมีช่องทางของเงินอยู่แล้ว 1 ช่องทาง การลงทุน คือเป็นอีกทางหนึ่งที่คุณปล่อยให้เงินมันทำงานได้ ให้เงินมันเข้ามาเอง แต่อย่างที่บอกว่าการลงทุนมันมีความเสี่ยง เราต้องมีความรู้มาปิดความเสี่ยง ปิดมันให้ได้มากที่สุด แล้วพอเรามีความรู้ทุกมุมพร้อมแล้ว เงินมันก็จะเข้ามาหาคุณเอง เรื่องเงินน้อย หรือเยอะไม่เกี่ยวนะ ถ้าตัดสินใจจะออมเงิน ก็มีเงินออมอยู่ดี ซึ่งเอาเงินออมตรงนี้แหละ มาลงทุน มันเป็นการเพิ่มเงินออม จะได้น้อยหรือมาก 5% หรือ10% มันก็เป็นเงินมันกัน เราจะปล่อยให้เงินมันเฟ้อขึ้นเรื่อยแล้วนั่งมองเงินในบัญชีที่ออมไว้เฉยๆหรอ หรือจะทำให้เงินจำนวนนี้มันมูลค่ามากขึ้นก็อยู่ที่ตัวคุณเอง




ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง