#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

+++ Stablecoin: แกะดำในโลกคริปโต +++

โดย ดร. ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์
เผยแพร่:
168 views

กระแสของเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเร็นซี่อย่าง bitcoin ปะทุขึ้นมาเนื่องจากในเชิงคอนเซ็ปต์แล้วมันเป็นทางเลือกใหม่ของเงิน ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร แต่เงินคริปโตเหล่านี้มักกลับไม่สามารถทำหน้าที่พื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่า “เงิน” ได้ครบสมบูรณ์ นั่นคือ ขาดการเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) และการเป็นหน่วยวัดได้ (Unit of Account) เนื่องด้วยราคาที่ผันผวนอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถเก็บมูลค่าได้และในขณะเดียวก็ไม่สามารถเป็นหน่วยวัดมูลค่าที่ดีได้เช่นกัน

 

ด้วยจุดด้อยและความท้าทายต่างๆ ทำให้ในช่วงปี 2018 วงการเงินคริปโตได้เริ่มจับตามองและให้ความสำคัญกับการเข้ามาของสิ่งที่เรียกว่า Stablecoin (เงินนิ่ง) ว่าจะเป็น “Holy Grail of Cryptocurrency” หรือวิวัฒนาการที่จะทำให้ เงินคริปโตสามารถบรรลุคุณสมบัติของเงินและเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา Financial Products ใน Distributed ecosystem ได้

Concept ของ Stablecoin

หลักการทำงานของ Stablecoin ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับระบบเงินแบบ Fiat money ในอดีต นั่นคือ Bretton wood system ทำการผูกค่าเงินไว้กับเงินดอลลาร์และเงินดอลลาร์ผูกกับทองคำอีกที เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ไว้

 

Stablecoin เองก็ตรึงราคาและอัตราแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์จริง ไม่ว่าจะเป็น Fiat Currency สกุลต่าง ๆ เช่น ดอลลาร์ ยูโร หรือ Commodities เช่น ทองคำ เป็นต้น ดังนั้น หากจะเพิ่มหรือลด Supply ของเงินเหล่านี้ ผู้ออกจะต้องมีสินทรัพย์ข้างต้นสำรองไว้เป็นหลักทรัพย์ โดยส่วนใหญ่จะอยู่รูปแบบของเงินดอลลาร์ในอัตราส่วน 1:1 ทำให้มูลค่าของ Stablecoin มีความผันผวนน้อยลงและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือมากขึ้น

 

ประเภทของ Stablecoin

Stablecoin แต่ละเจ้าจะมีการผูกค่าเงินกับสินทรัพย์แตกต่างกันออกไป แบ่งประเภทตามชนิดสินทรัพย์ที่มักผูกค่าเงินไว้ได้ 3 แบบ

 

Real-asset Collaterized Stablecoin ประเภทนี้ผูกค่าเงินไว้กับสินทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะผูกกับ Fiat Currency ในอัตราส่วน 1:1 โดยผู้ออกจะต้องสำรองเงินในอัตราส่วนดังกล่าวไว้เพื่อที่จะสามารถออก Stablecoin ประเภทนี้เพิ่มได้ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือ

 

Crypto-collateralized หรือ Stablecoin ที่ผูกค่าเงินกับเงินคริปโตอื่นๆ ในอัตราส่วนที่มากกว่า 1:1 หรือ เพื่อเพิ่ม Buffer ในกรณีของ Downside risk เช่น หากราคาของเงินคริปโตที่สำรองไว้ลดลง จะได้ไม่ส่งผลต่อมูลค่าหลักประกันของ Stablecoin ชนิดนี้มากเกินไปนัก เนื่องจากยังมีส่วนที่สำรองเกินไว้อยู่ นอกจากนี้

 

Non-collateralized หรือ Stablecoin ที่ไม่ผูกค่าเงิน Stablecoin ประเภทนี้ใช้หลักการ Seigniorage Share ในการควบคุมค่าเงิน โดยจะทำงานคล้ายกับระบบของธนาคารกลางซึ่งจะเพิ่มและลด Supply ของเงินเพื่อให้ค่าเงินเป็นไปตามที่กำหนดไว้โดยอาศัยอัลกอริทึมเข้ามาช่วยในการควบคุม และยังมีระบบการรักษาดุลยภาพทางราคาที่คล้ายคลึงกับ open market operation ที่ธนาคารกลางทำอยู่เป็นประจำด้วย

 

ทั้งสามประเภทต่างมีจุดเด่น จุดด้อยและลักษณะที่แตกต่างกัน

 

ประเภทแรกอย่าง Fiat-collateralized มีข้อดีคือมีความเสถียรของค่าเงินจากการผูกค่าเงิน แต่ต้องอาศัยตัวกลางทำให้ระบบไม่ Decentralized จริง

 

ประเภทที่สองคือ Crypto-collateralized ให้ผู้ถือเข้าสู่ CDPs เพื่อวางหลักประกันโดยใช้เงินคริปโตชนิดอื่น ซึ่งมีความผันผวนของราคาสูง อาจส่งผลต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของ Stablecoin ชนิดนี้ได้

 

สุดท้ายคือ Non-collateralized ซึ่งใช้อัลกอริทึมในการควบคุม Supply ของ Stablecoin เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา  ดีไม่ดีวัดกันที่อัลกอริทึม

ความท้าทายเชิงทฤษฎี ของ Stablecoin

 

ในมุมมองของเศรษฐศาสตร์มหภาค หลักการการทำงานของ Stablecoin มีความน่าจับตามองอยู่อีกหนึ่งอย่าง คือ Stablecoin จะมีผลต่อ Impossible Trinity หรือไม่

 

 

 

ในกรณีของ Stablecoin เนื่องจากเลือกที่จะผูกค่าเงินในคงที่กับสินทรัพย์อื่น ๆ (Fixed exchange rate) แล้ว จึงมีอีกสองตัวเลือก คือ การเคลื่อนย้ายทุนอย่างอิสระ (Free flow of capital) หรือ นโยบายการเงินเสรี (Monetary Policy independence หรือ Sovereign monetary policy)

 

แน่นอนว่าหากเลือกนโยบายการเงินเสรี แสดงว่าจะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายทุนอย่างเสรี ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับจุดประสงค์และจุดแข็งของเงินคริปโต และยังต้องใช้ตัวกลางในการควบคุมและกีดกันการแลกเปลี่ยนซึ่งสวนทางกับอุดมการณ์ในระบบ Decentralized system ของเงินคริปโตหลายๆ ชนิด

 

ดังนั้นจึงเหลืออีกหนึ่งทางเลือก คือ เลือกการเคลื่อนย้ายทุนอย่างเสรี แล้วไม่ใช้นโยบายการเงินแบบเสรี ปัญหาคือหาก Stablecoin ได้ความนิยมและเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมส่วนใหญ่แล้ว จะส่งทำให้ความสามารถในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจของนโยบายการเงิน (Transmission mechanism) ลดลง เนื่องจากขาดตัวกลางในการส่งต่อของนโยบายการเงินอย่างธนาคาร หรือไม่สามารถเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยโดยซื้อขายพันธบัตรได้ กลายเป็นว่าผูกกับอะไรก็เป็นอย่างนั้น ทำให้โอกาสที่ Stablecoin จะสามารถเอาชนะ Fiat money เป็นเรื่องยากขึ้น

 

ทุกวันนี้คอนเซ็ปต์ Stablecoin ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่และมีความท้าทายหลากรูปแบบอย่างที่ได้เขียนเอาไว้ในบทความนี้ แต่วันหนึ่งมีความเป็นไปได้ที่มันจะมาเป็นทางเลือกทางการเงินที่น่าสนใจเนื่องจากท้ายที่สุดเงินคริปโตจะได้มีความเสถียรของค่าเงินกับเขาบ้างเสียที

 


ผู้เขียนเป็นเจ้าของเว็บไซต์ settakid.com ที่วิเคราะห์ประเด็นเปลี่ยนโลกผ่านมุมมองเศรษฐศาสตร์แบบเข้าใจง่ายๆ  คุณ ณภัทร จบปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลและจอนส์ ฮอปกินส์ เคยมีประสบการณ์ทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดและธนาคารโลก และสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมินนิโซต้า เป็นนักเขียนรับเชิญของ stock2morrow และเป็นคอลัมนิสต์ประจำสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง