Netflix คือผู้ให้บริการภาพยนตร์สตีมมิ่งโดยจะเรียกเก็บค่าบริการเป็นรายเดือนแล้วแต่ตามที่ผู้ใช้เลือก ยิ่งจ่ายแพงมาก ภาพความคมชัดที่ได้ก็จะยิ่งมีมากขึ้น อย่างในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 280 บาท จะได้ความคมชัดมาตรฐานและใช้ได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น แต่ถ้าคุณจ่ายเดือนละ 420 บาท จะได้ความคมชัดระดับ Ultra HD และใช้ได้พร้อมกับ 4 หน้าจอ เป็นต้น
.
ในบทความกล่าวว่า Netflix เป็นบริษัทที่มีอนาคต มีนักลงทุนและสถาบันถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้น Netflix ตั้งแต่เริ่มต้นจะได้ผลตอบแทนมหาศาล แต่สำหรับนักลงทุนที่ "เริ่มต้น" เข้าซื้อ บอกเลยว่าไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยให้เหตุผล 6 ข้อ ดังนี้ ...
.
1. Netflix มีค่า P/E ที่สูงถึง 160 เท่า
ในขณะที่ดัชนี S%P 500 อยู่ระดับ 24 เท่า บ่งบอกว่าเป็นหุ้นที่มีความคาดหวังสูงมาก ใครก็ตามที่ซื้อหุ้น P/E 100 เท่า ไม่ช้าก็เร็วจะต้องขาดทุนอย่างแน่นอน
.
2. สมาชิก Netflix มีจำนวนมาก แต่ที่มีประสิทธิภาพกลับมีน้อยคน
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยชั้นนำอย่าง Deloitte เปิดเผยว่าปัจจุบัน Netflix มีสมาชิกสูงถึง 130 ล้านคนทั่วโลก แบ่งเป็น 57 ล้านสมาชิกเป็นชาวอเมริกา และอีก 73 ล้านสมาชิกเป็นชาวต่างประเทศ ใน 57 ล้านสมาชิกนั้นมีเพียง 13 ล้านสมาชิกเท่านั้นที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เราเรียกกลุ่มนี้ว่า "potential" หรือกลุ่มลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ อีก 44 ล้านสมาชิกที่เหลือหมายถึงกลุ่มคนที่เข้ามาทดลองใช้ ใช้ฟรี 1 เดือน หรือเข้าไปดูภาพยนตร์สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และมีแนวโน้มที่จะไม่ต่อสมาชิกมีสูง
.
อีกนัยหนึ่งช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 Netflix ใช้งบไปกับค่าการตลาดสูงถึง 456 ล้านเหรียญ สูงเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2017 และได้สมาชิกใหม่เป็นจำนวน 2.66 ล้านสมาชิก นั้นหมายถึง ใน 1 คนบริษัททุ่มงบไป 170 เหรียญต่อคนเลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างจากสองปีที่แล้วจะอยู่ที่ 65 เหรียญต่อคน ถ้า Netflix คิดค่าบริการต่อเดือนอยู่ที่ 10.99 เหรียญ แสดงว่าลูกค้า 1 คนจะต้องสมัครสมาชิกนานถึง 16 เดือน เพื่อที่จะเริ่มต้นคืนทุน เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะให้ลูกค้าอยู่กับเราตลอดไปนานๆ
.
3. ผู้บริหาร Netflix มองโลกในแง่ดีเกินไปกับตลาดต่างประเทศ
เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ผู้บริหาร Netflix ชี้แจงว่าบริษัทคาดหวังจะเติบโตในตลาดต่างประเทศสูงถึง 75% ! ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป้นไปได้ยากมาก ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น ? ...
.
Netflix มียอดผู้ใช้บริการหน้าใหม่เติบโตเฉลี่ยปีละ 17% และถ้าจะรักษาการเติบโตระดับนี้ได้เท่ากับว่าปี 2018 จะต้องมีสมาชิกเพิ่มอีก 30 ล้านสมาชิก ในปี2020 จะต้องมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 35 ล้านคน ในปี 2021 จะต้องมีเพิ่มอีก 40 ล้านคน
.
เมื่อปีที่ผ่านมา Netflix มีผู้ใช้ชาวอเมริกาเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3 ล้านสมาชิก นั้นหมายถึงจะเหลือ 27 ล้านสมาชิกที่ต้องหาจากต่างประเทศ คิดว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ ?
.
4. ยิ่งมีสมาชิกจากต่างประเทศมาก ค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมากตาม
ในปัจจุบัน "คอนเทนต์ คือ ทุกสิ่ง" ถ้าคุณอยากจะได้ในลูกค้า คุณยิ่งต้องทำให้คอนเทนต์ของคุณอยู่ในระดับ "สุดยอด" และน่าสนใจจริงๆ ใน Netflix มีคอนเทนต์และหนังมากมายให้เราเลือกดู แต่นั้นเป็นคอนเทนต์ที่เหมาะสมต่อชาวอเมริกา ชาวฝรั่งเศส ชาวอินเดียหรือบราซิล ไม่ได้ชอบคอนเทนต์อย่างที่ชาวอเมริกาชอบ นั้นหมายความว่า Netflix ต้องทุ่มงบอีกมหาศาลในการผลิตคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับชาตินั้นๆ ตามมาอีกด้วย เกมนี้ไม่หมูอย่างที่ใครหลายๆคนคิด
.
5. Netflix มีหนี้สินเยอะ
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 บริษัทมีรายจ่ายไปกับการผลิตคอนเทนต์สูงถึง 5.36 พันล้านเหรียญ และเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 50% เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว คอนเทนต์ที่ตรงใจผุ้บริโภคย่อมมาพร้อมกับรายจ่ายอันมหาศาล
ถ้าดูในงบดุลของปี 2016 บริษัทมีหนี้สินรวมประมาณ 2.37 พันล้านเหรียญ แต่ผ่านมาเพียง 2 ปี คือ 2018 บริษัทกลับมีหนี้สินรวมที่มากถึง 8.34 พันล้านเหรียญ
.
6. Netflix ไม่เคยจ่ายปันผล
บริษัทที่มี Growth สูง มักจะไม่จ่ายปันผลหรือถ้าจะจ่ายคือจ่ายน้อยมาก และ Netflix อยู่ในช่วงการเติบโตเป็นธรรมดาที่จะไม่จ่ายปันผล แต่ในมุมนักลงทุนแล้วแทบจะไม่ได้อะไรเลยระหว่างที่ลงทุน เว้นแต่จะขายทำกำไรและคาดหวังส่วนต่างราคาหุ้น
.
นี้คือ 6 เหตุผลสำหรับนักลงทุนที่กำลังจะเข้าซื้อ Netflix หุ้นที่ดีแต่อาจจะไม่คุ้มค่าการลงทุนในอดนาคตครับ
Netflix ไม่เคยจ่ายปันผล ... !
ขอบคุณที่มาภาพ : https://finance.yahoo.com
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.fool.com/investing/2018/12/25/is-netflix-a-buy.aspx
https://www.forbes.com/sites/stephenmcbride1/2018/10/17/5-reasons-netflix-is-a-dead-stock-heres-what-to-buy-instead
https://finance.yahoo.com/quote/NFLX/