ลักษณะธุรกิจ
ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันมีรายได้หลักมาจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (Conventional power generation) และได้มีการขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable power generation) โดยลงทุนในโรงไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบและในหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย ประเทศลาว ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น

 

ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ

- BPP โตที่ต่างประเทศอย่างเด่นชัด

- BPP ถือหุ้น BLCP ในประเทศไทยอยู่ 50% ถือเป็นโรงไฟฟ้าแรกๆที่ได้สัญญาสัมปทาน ตรงนี้รายได้จะดีมาก

- BLCP คิดเป็นรายได้หลักของบริษัท ดังนั้นแน่ใจได้ว่ารายได้ของ BPP สม่ำเสมอแน่นอน

- จีนเป็นอีกประเทศที่ BPP ไปลงทุนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน รองลงมาเป็นโซล่าร์ฟาร์ม

- จีนใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า

- ที่จีนจะแตกต่างกับของไทย กล่าวคือ ไทยนี้เป็นสัญญาสัมปทานรับซื้อไฟตามสัญญากับ กฝผ. แต่ในจีนจะไม่มีสัญญาสัมปทาน รัฐบาลปล่อยให้มณฑลกำหนดเรื่องของการซื้อไฟเอง ดังนั้นรายได้จะปรับเปลี่ยนไปตามราคาถ่านหินที่ผันผวน

- โรงไฟฟ้าหงสาในลาว มีสัญญา 25 ปี ขายไฟกลับมาในไทย มั่นใจได้ว่ารายได้สม่ำเสมอแน่นอน

- BPP มีโครงการในญี่ปุ่นมากถึง 13 โครงการ ประมาณ 200 MW แต่ละโครงการก็รับซื้อไฟราคาไม่เท่ากัน แต่ถือเป็น Growth ของบริษัทในอนาคต ยังมีโครงการพลังงานลมด้วย

- BPP ผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 1900 MW BLCP 717 MW โรงหงสาประมาณ 751 MW ทั้งสองตัวนี้ทำให้ BPP มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ และเกือบจะเป็น 100% ของกำไรทั้งหมดใน BPP

- ดังนั้นเวลานักลงทุนจะวิเคราะห์ ต้องมอง BLCP และโรงหงสาด้วยเป็นประเด็นสำคัญ

- นักวิเคราะห์คาดว่า BPP จะมีกำไรประมาณ 5-6 พันล้านต่อปี ความท้าทายของ BPP คือโรงไฟฟ้าของจีนจะเปลี่ยนเป็นกำไร เมื่อไร ?

- BPP มีฐานการเงินที่ดีอยู่แล้ว เหลือแต่รอวันเติบโต

- BPP มี D/E ต่ำมาก หนี้สินน้อย

- พลังงานลมที่เวียดนาม ก็ถือว่าน่าสนใจ

- ราคาปัจจุบัน นักลงทุนยังไม่ให้การเติบโตมากนัก ยังมี upside

.

ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ

- ถ่านหิน มองว่ามันจะ "แย่ลง" ในอนาคต

- ดูเหมือนว่า BPP จะหันไปทำพลังงานสะอาดมากขึ้น

- BPP มีฐานกำไรที่มั่นคงมาก กระแสเงินสดดี จะเห็นว่ากระแสเงินสดที่รับมาบริษัทก็ไปลงทุนเพิ่มในพลังงานสะอาด

- แต่พลังงานสะอาด ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้สวยหรูมาก ใครๆก็ทำพลังงานสะอาดกันหมด จะหวังว่ากำไรดีมันเป็นไปไม่ได้แล้ว

- มองว่าหุ้นที่ทำงานพลังงานสะอาด หรือโซล่าร์ฟาร์ม ในตลาดหุ้นไทยกลายเป็นฟองสบู่ไปแล้ว ยังไม่ทันจะทำโครงการเลย ได้แค่ใบอนุญาต หุ้นก็วิ่งขึ้นไปแล้ว คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากำไรดี แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น

- แนะนำว่านักลงทุนที่จะลงทุนพลังงาน ต้องดูผู้บริหารด้วยมีประสบการณ์ไหม ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นใคร พื้นฐานบริษัทเป็นอย่างไร เคยทำธุรกิจนี้มาก่อนไหม หรือว่าไม่เคยทำ

- เอาจริงๆ การผลิตไฟฟ้านี้พูดยากนะ โรงไฟฟ้านี้ผลิตได้กี่ MW นักลงทุนรู้ไหมหรือตรวจสอบได้ไหม ก็ไม่แน่ใจ ผู้บริหารบอกมาอย่างนั้น ก็เข้าใจว่ามันผลิตได้มากขนาดนั้น ผู้บริหารก็ต้องพูดอะไรสวยหรูไว้ก่อน

- ผู้บริหาร และธรรมาภิบาลเป็นสิ่งสำคัญในหุ้นโรงไฟฟ้า ต้องกลับไปดู มองวิสัยทัศน์เป็นยังไง เล่นกับราคาหุ้นไหม

- ดูจากรายได้ที่ผ่านมาของ BPP ก็ไม่เติบโตนะ ของเก่าก็ทำเงิน แต่ของใหม่รายได้ยังไม่มา แถมเป็นรายจ่ายด้วยซ้ำ

- ในอนาคตมองว่า อาจจะดีก็ได้ เพราะของเก่ามั่นคง ของใหม่ก็กำลังจะผลิตได้ รายได้เพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป

- ราคาหุ้น ปันผล ก็ราคาสมเหตุสมผลนะ ไม่ได้แพง ไม่ได้ถูก จะหวังว่าให้หุ้นโรงไฟฟ้าวิ่งแบบหวือหวา น่าจะยาก

- อย่างไรก็ตามหุ้นโรงไฟฟ้า ต้องมองที่กำไรสุทธิ

- การลงทุนต่างประเทศก็น่าสนใจ แต่ยิ่งลงทุนต่างประเทศก็ยิ่งน่ากลัว เพราะนักลงทุนแทบจะตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย

- ราคาหุ้น BPP นิ่งมาหลายปี บอกเลยว่าไม่แพง การเคลื่อนไหวของราคาก็ไม่ได้หวือหวาจนเก็งกำไรได้

- ราคาตรงนี้ถือว่าไม่แพง รับได้

- นักลงทุนที่สนใจถามตัวเองว่า รอได้ไหม ถ้ารอได้ก็ถือว่าน่าลุ้น

- ปกติทั่วไปหุ้นโรงไฟฟ้านี้จะเป็นหุ้นที่ ไม่เติบโตสักเท่าไร แต่สำหรับ BPP อาจจะแตกต่าง โครงการที่ลงทุนมีโอกาสเติบโตได้อีก

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model BPP ขยายผลิตไฟฟ้าถ่านหินในอาเซียน