#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

!!! ตลาดหุ้นทั่วโลกผวา !! หลังมีสัญญาณ ศก. สหรัฐและยุโรปชะลอตัว !!!

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
169 views

ตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเริ่มชะลอตัว ส่งผลให้ความกลัว Global Slowdown เพิ่มมากขึ้น

.

โดย FTSE 100 ของอังกฤษ ปิดลบกว่า 2% จากดัชนีวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นวันที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดวันหนึ่งของตลาดหุ้นลอนดอน ขณะที่ตลาดหุ้นหลักในสหรัฐทั้ง 3 ตลาด ปิดตัวลดลงอยู่ระหว่าง 1.9% ถึง 2.5%

สาเหตุการปรับตัวลงของของตลาดทั่วโลก

การปรับตัวลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเลขดัชนีชี้การเติบโตภาคการผลิตของ Eurozone ที่ประกาศมาของเดือนมีนาคม อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์และต่ำสุดในรอบ 5 ปี บวกกับสัณญาณเตือนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนกำหนด ซึ่งสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน

.

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐได้กล่าวว่า “มันยังไม่มีความคาดหวังที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ ท่ามกลางการชะลอตัวการเติบโตของเศรษฐกิจ”

.

โดยดัชนี Dow Jones ปรับตัวลดลง 1.8% S&P ลดลง 1.9% และ Nasdaq ลดลงกว่า 2.5% ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวลดลงอย่างมากพร้อมกันทั้ง 3 ดัชนี ตลอดชวง 3 เดือนที่ผ่านมา

ความเห็นของนักวิเคราะห์

Diane Swonk นักเศรษฐศาสตร์ของ Grant Thronton ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของเยอรมันเมื่อเดือนก่อน ซึ่งเป็นตัวสะท้อนกำลังซื้อของ Europe ได้ผูกติดกับความไม่แน่นอนของ Brexit และการตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ FED ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนไม่น้อย Swonk ยังได้กล่าวเพิ่มอีกว่า “ขณะนี้ยังมีข้อมูลไม่มากนักที่จะบอกว่า ความเสี่ยงเริ่มเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดตลาดล้มครืนลงมา”

Inverted Yield Curve เป็นสัณญาณวิกฤตการทางการเงิน?

ขณะที่ ความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของตลาด US bond ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความกลัวให้กับนักลงทุน โดยที่พันธบัตรหรือ Bond ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ปลอดภัย ที่ถูกออกโดยรัฐบาล เพื่อระดมทุนนำเงินมาใช้จ่ายและเกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ

.

เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่อัตราผลตอบแทน US Bond ระยะสั้น (ประเภท 3 เดือน) ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า US Bond ระยะยาว (ประเภท 10 ปี) ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่า อาจจะเป็นสัณญาณเตือนว่าวิกฤตการณ์อาจจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

.

“โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนคาดหวังที่จะรอนานมากขึ้นจนกว่าจะได้รับเงินที่ลงทุนไปกลับคืนมา เพื่อชดเชยที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงมากขึ้น ดังนั้น US Bond ระยะยาว (ประเภท 10 ปี) ควรจะมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า US Bond ระยะสั้น (ประเภท 3 เดือน)”

.

Michelle Fleury ผู้ดูแลด้านภาคธุรกิจของ BBC New York ได้กล่าวว่า “ปัญหาตอนนี้คือ นักลงทุนที่อดทนรอนานกว่ากลับได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่านักลงทุนที่ลงทุนในระยะสั้น ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะยาว (Long-term period)” ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถูกเรียกว่า “Inverted Yield Curve”

.

จากการศึกษาของธนาคารกลางของสหรัฐยังพบอีกว่า ตลาดพันธบัตรยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการเตือนการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน (Financial Recession) ในอดีตมาแล้วถึง ห้าครั้ง” ตั้งแต่ปี 1955

.

แต่ Kristina Hooper หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านตลาดโลกของ Invesco ได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า เธอยังไม่คิดว่าวิกฤตการทางการเงินของสหรัฐจะยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้ และเธอยังได้กล่าวอีกว่า “ยังมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจทั่วโลกอีกหลายอย่างที่ควรจะกังวลมากกว่า ดังนั้น ฉันจึงไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นสาเหตุให้ต้อง Panic กันไปก่อน”

 

 Refer : bbc.com/news/


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง