#ลงทุนแนวเทคนิคอล

วิชาหุ้น 101 : โมเม้นตัม (Momentum) ของหุ้นคือออะไร ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
152 views

"นักเก็งกำไร ควรจะต้องหาหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาดให้เจอ"
- เจสซี่ ลิเวอร์มอร์

นี้เป็นคำแนะนำของเทรดเดอร์ระดับตำนานอย่างเจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ที่แนะนำว่าในทุกสภาวะตลาด จะมีหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ "แข็งแกร่ง" กว่าตลาด คำว่าแข็งแกร่งเราได้เรียกชื่อใหม่ว่า "โมเม้นตัม" ของหุ้นนั้นเอง

ในปัจจุบันการวิเคราะห์หุ้นแบบโมเม้นตัมไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่สายกราฟเท่านั้น แต่มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบของพื้นฐานด้วย เหมือนกับว่าราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งจะอาศัยแต่กราฟ และเม็ดเงินเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นจะต้องอาศัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงจะสามารถขึ้นได้ในระยะยาว ...

ในทางวิชาการ "โมเม้นตัม" มีความหมายว่าแรงส่งของหุ้นตัวนั้นๆ โดยประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ Trend, Fundamental และ Fund Flow เรามาดูกันทีละส่วนครับ

 

- Trend หรือแนวโน้มของราคาหุ้นว่าอยู่ในจังหวะไหน โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ขาขึ้น ขาลง และไซด์เวย์ออกข้าง นักลงทุนจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าแนวโน้มของราคาหุ้นตัวนั้นๆแข็งแกร่งและเหวี่ยงแรงกว่าตลาดหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นอาจจะแกว่งตัวขึ้น 4% ในรอบสัปดาห์ แต่สำหรับหุ้นตัวที่เราสนใจมีแรงเหวี่ยงขึ้นสูงถึง 10% เราเรียกว่าแข็งแกร่งกว่าตลาด ... โดยปกติแล้วนักลงทุนจะใช้เครื่องมือเช่น MACD และ RSI ในการวัดความแข็งแกร่งของหุ้น

- Fund Flow หรือเงินจากต่างชาติ .. เราไม่อาจะปฏิเสธได้ว่าหุ้นจะมีโมเม้นตัมได้สิ่งสำคัญคือต้องมีสภาพคล่องมากพอที่จะรองรับ Demand/Supply เข้ามาซื้อขาย และมีการเปลี่ยนมือหุ้นจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้นักลงทุน นักเก็งกำไรเข้ามาเทรด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะเห็นหุ้นหลายตัวที่มีราคาสูงกลับแตกพาร์ลงมา นั้นเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ราคาหุ้นวิ่งดีขึ้น ดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา ทำให้ช่อง Bid Offer มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ เป็นปัจจัยที่ช่วยเทรดให้ง่ายขึ้น

- Fundamental หรือพื้นฐานหุ้นตัวนั้นๆ ประกอบไปด้วยอีก 2 ส่วน คือ Story และ Earning Power ...
ในส่วนของ Story หรือเรื่องราวของหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ทำให้คนเห็นโอกาสเข้ามาเก็งกำไร เช่น แตกธุรกิจใหม่ เปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้น ได้งานเพิ่มขึ้น มีกำไรพิเศษจากการทำบางสิ่งบางอย่าง
Earning Power หุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี กำไรจำเป้นต้องโตสูงขึ้นต่อเนื่อง เกิดโมเม้นตัมของหุ้นที่แกว่งตัวขึ้น เพราะหุ้นมี High Growth มากขึ้นนั้นเอง จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหุ้น P/E สูงๆ นักลงทุนยังอยากซื้อขายอีก เนื่องจากหุ้นนั้นเติบโตสูงมาก

== จังหวะและโมเม้นตัมของหุ้น ==

วิธีสังเกต "โมเม้นตัม" ของหุ้นโดยใช้วอลุ่มกับ MACD เพื่อดูความแข็งแกร่งของหุ้น
ที่มาภาพ : Bisnews Professional

- ช่วงแรงของหุ้นที่ยังไม่มีโมเม้นตัม หุ้นจะวิ่งไซด์เวย์ออกข้างขึ้นๆลง ไม่มีทิศทาง วอลุ่มเบาบาง ซึ่งราคาจะไม่ขยับไปไหนมากนัก เพราะแรงหรือโมเม้นตัม และวอลุ่ม ยังไม่เข้าหุ้นตัวนี้

- ช่วงเริ่มเกิดโมเม้นตัม คือ มีวอลุ่มเทรดเข้ามามาก ส่งผลให้หุ้นเบรคแตะจุดสูงสุดใหม่ เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มเริ่มเกิดแล้ว ส่วนจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหรือไม่ให้ดู MACD ประกอบตามภาพ หุ้นบางตัวอาจะเล่นไม่กี่สัปดาห์ ก็ร่วงลงมาที่เดิมแล้ว บ่งบอกว่าโมเม้นตัมของหุ้นไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร

- ช่วงเปลี่ยนแนวโน้ม เป็นธรรมดาของหุ้นที่ขึ้นถึงจุดๆหนึ่งแล้ว จะต้องมีกลุ่มคนขายทำกำไรลงมาด้วยวอลุ่มจำนวนมาก ส่งผลให้หุ้นเปลี่ยนแนวโน้ม หรือหุ้นซึมซับข่าวดี ความคาดหวังไปมากแล้ว เมื่อไม่ได้ตามความคาดหวังหุ้นก็จะต้องลง ส่งผลให้โมเม้นตัมผลักไปทางตรงข้ามนั้นเอง

ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ... เราจำเป็นจะต้องสังเกตว่าหุ้นมีการทำ Divergence กับอินดิเคเตอร์หรือไม่ กล่าวคือ หุ้นทำ New High แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ กลับหันหัวลงไปเรื่อยๆแสดงให้เห็นว่าโมเม้นตัมของหุ้นตัวนั้นๆอ่อนแรงลง น่าจะไปได้อีกไม่ไกล ร่วมถึงสังเกตว่าหุ้นเริ่มทำ New low ใหม่เรื่อยๆ เราอาจจะต้องหยุดเทรดเพื่อรอดูก่อน เพราะถ้าหากว่าหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลงจริงๆ โอกาสที่เราขาดทุนจะมีสูงมาก

จากที่กล่าวมาข้างต้น หุ้นที่มีโมเม้นตัมที่ดีเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น กำไรปีนี้อาจจะโต 30% หรือ 50% ทำให้มีแรงเก็งกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาลเป็นการยืนยันแนวโน้มชัดเจน กราฟสวย หุ้นทำนิวไฮ ก็เป็นการชักชวนผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเทรด ทำให้หุ้นมี Demand เพิ่มสูงขึ้นมากจากผู้เล่นหลายกลุ่ม เมื่อมีความต้องการซื้อมาก วอลุ่มเทรดก็จะสูงขึ้น ยิ่งทำให้หุ้นนั้นมี "พลัง" มากขึ้นตามไปอีก

== สรุป ==
การวิเคราะห์หุ้นในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่การวิเคราะห์พื้นฐานอย่างเดียว หรือสายกราฟอย่างเดียว แต่นักลงทุนจำเป็นจะต้องนำ 2 หลักการเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมพอสมควรในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า Momentum Investor

หุ้นที่ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นั้นหมายถึงมีโมเม้นตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง อาจจะประกอบไปด้วยหลายสาเหตุ พื้นฐานดีขึ้น ทำให้คนเข้ามาซื้อมากขึ้น เมื่อเกิดการซื้อขายมาก วอลุ่มเทรดมากขึ้นทำให้หุ้นนั้นขึ้นอย่างแข็งแกร่งตาม ดังนั้นเราสามารถกลับมาวิเคราะห์หุ้นในพอร์ตโฟลิโอของเราได้ว่า หุ้นที่เราถือแล้วยังไม่ขึ้นเป็นเพราะสาเหตุอะไร ? Story ไม่เพียงพอ แรงขับเคลื่อนกำไรของหุ้นไม่ดี กราฟไม่สวย คนเลยไม่สนใจ เราจึงควรวิเคราะห์ว่าเราพลาดอะไรตรงไหนไป เพราะนั้นอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสได้กำไรจากหุ้นที่มีโมเม้นตัมตัวอื่นๆก็เป็นได้ !


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง