หากพูดถึงเรื่องของ GAP หรือภาษาง่ายๆคือ ราคาเปิดกระโดดไปจากราคาปิดช่วงปิดตลาด พักเที่ยงวัน หรืออาจเกิดในกรณีที่วันนั้นตลาดมีวิกฤต หรือสิ่งผิดปกติหนักๆ จะทำให้ราคากระโดดข้ามช่องราคาไปหลายช่องได้ในเวลาที่รวดเร็ว

ซึ่ง GAP มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่มันก็คือสิ่งที่ควบคุมได้ยาก เพราะเราไม่ทราบว่ามันจะกระโดดไปทางที่ทำให้เราบวก หรือกระโดดไปทางที่ทำให้เราลบ ดังนั้นมันอาจคือโชคก็ได้

ลองมาดูมุมมองกันครับ
GAP มีทั้งประโยชน์ และโทษ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อการเทรด และการลงทุนของเราดังนี้
1. กรณีถูกทาง คือ               GAP วิ่งกระโดดไปในทิศทางที่เราได้กำไร            เท่ากับ     โชคดี
2. กรณีผิดทางคือ                GAP วิ่งกระโดดไปในทิศทางที่เราขาดทุน            เท่ากับ     โชคร้าย

โชคดี เพราะ จากที่ตั้งใจจะได้กำไรแค่ +10$ แต่เปิด GAP มาราคากระโดดขึ้นไปไกลกว่าที่ตั้งใจไว้ เลยได้บวกกำไรมาเป็น +20$

โชคร้าย เพราะ จากที่ตั้งใจจะขาดทุนแค่ -10$ แต่เปิด GAP มาราคากระโดดลงไปไกลกว่าที่ตั้งใจไว้ เลยได้ผลขาดทุนมาเป็น -20$

ซึ่งในการเทรดอาชีพ เรามักคิดแผนกลยุทธ์การเทรดโดยไม่ให้น้ำหนักสิ่งที่ควบคุมได้ยากรวมถึงสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และมักคิดในทางกรณีที่แย่ที่สุดไว้ก่อนเสมอ ดังนั้น GAP สำหรับสายเทรดแล้วจึงคือสิ่งที่ต้องคิดไว้ในทาง“โชคร้าย” ไว้ก่อนเสมอ แต่ในความโชคร้ายของสายเทรดที่ต้องมีระยะ SL ( StopLoss )

จุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนเพื่อคุมระดับหน้าตักเงินทุนของตัวเอง ให้สามารถเทรดต่อไปได้หลังขาดทุน...เพื่อสร้างกำไรกลับคืนมาได้ แต่สำหรับสายลงทุนแล้วอาจคือ "โชคดี" เพราะสายนักลงทุนมักไม่ CutLoss เพราะจะซื้อถือหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว

หากธุรกิจนั้นยังคงดีอยู่ หากเกิดราคาเปิด GAP ต่ำลงมาอย่างรุนแรง สายนักลงทุนที่มีกระแสเงินสดพร้อมก็จะเล็งเห็นว่านี้คือโอกาสได้ซื้อของถูกเพื่อการลงทุนในระยะยาว ทำให้ต้นทุนโดยเฉลี่ยต่ำลงไปอีก
 

เห็นมั้ยครับว่า GAP มีทั้งผลดี และผลเสีย ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบและสไตล์การลงทุนของแต่ละคน...ที่จะเลือกนำไปใช้ปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองและเกิดประโยชน์สร้างเป็นผลกำไรให้กับพอร์ตของเราได้