Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook มีทรัพย์สินลดลงเหลือเพียง 8.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปีที่แล้ว จากข้อมูลโดย Forbes
โดยหุ้นของเขาได้ลดถึงหนึ่งในสามของมูลค่าของบริษัท อันเนื่องมาจากประเด็นอื้อฉาวเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook จนทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงจาก 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 8.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ก่อตั้ง Amazon หรือ Jeff Bezos ยังรักษาตำแหน่งผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยทรัพย์สินของเขาปรับเพิ่มขึ้นอีก 19 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 131 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีล่าสุด
หุ้นของ Amazon ได้ปรับเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงปีทีผ่านมา และยังทำให้ช่วงว่างระหว่าง Bezos และผู้มั่งคั่งเบอร์สองของโลกอย่าง Bill Gates ปรับเพิ่มกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ว่า Bill Gate จะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 96.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิม 90 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้วก็ตาม
Forbes ยังรายงานว่า จำนวนผู้มั่งคั่งที่ติดการจัดอันดับมีจำนวนลดลงเล็กน้อยในปีนี้ จากเดิม 2,208 ในปีที่แล้ว เหลือเพียง 2,153 ในปีนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ว่า ทรัพย์สินเฉลี่ยของผู้ที่ติดอันดับร่ำรวยของโลกมีมูลค่าลดลงเหลือเพียง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อคน จากเดิม 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อคน นอกจากนั้น จากรายงานของ Forbes ยังพบว่า ในจำนวนผู้ติดอันดับที่ร่ำรวยนี้ มี 994 คน มีมูลค่าสินทรัพย์ลดลงจากปีที่ผ่านมา
Luisa Kroll ผู้ช่วยผู้จัดการ Editor of Wealth ของ Forbes ยังได้กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีอุปสรรคเพียงใด คนเหล่านี้ยังมีความริเริ่มสร้างสรรค์ของการเป็นผู้ประกอบการที่จะยังหาทางที่จะมีความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้น”
ในการจัดอันดับผู้ติดอันดับร่ำรวยของโลกนี้ มีชาวอังกฤษจำนวน 52 คน โดยมีพี่น้อง Hinduja ได้แก่ Srichand และ Gopichand ผู้ซึ่งเป็นผู้บริหารกลุ่ม Hiduja มีทรัพย์สินรวมกันแล้ว 16.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วย Jame Ratcliffe ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทเคมีภัณฑ์ Ineos มีทรัพย์สิน 12.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนั้น ในจำนวนผู้ติดอันดับร่ำรวยของโลกนี้ เป็นผู้หญิงจำนวน 252 คน และหนึ่งในนั้น เป็นหญิงชาวจีนที่สร้างธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตัวตนเองอย่าง Wu Yajun ซึ่งมีสินทรัพย์ประมาณ 9.4 ผู้ติดอันดับร่ำรวยของโลกนี้ ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีจำนวนผู้หญิงติดอันดับผู้ร่ำรวยเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 56 คนในปีที่แล้ว เป็น 72 คนในปีนี้
อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดนั่นคือ Kylie Jenner ซึ่งมีอายุเพียง 21 ปี โดยเธอเป็นเจ้าของ Brand เครื่องสำอางค์อย่าง Kylie ซึ่งจัดตั้งได้เพียง 3 ปี และมีการประเมินยอดขายของธุรกิจมากถึง 360 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีที่ผ่านมา
อีกคนหนึ่งที่น่าติดตามคือ Safra Catz เจ้าของร่วมในบริษัทซอฟแวร์ Oracle ซึ่งเธอได้รับเงินเดือนมากถึง 41 ล้านเหรียญสหรัฐ และถูกจัดอันดับให้เป็นผู้บริหารหญิงที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดในโลก
ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดอันดับจำนวน 607 คน ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ตามไปด้วยจีนมีจำนวน 324 คน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในจำนวนเศรษฐีในจีน โดยมีเศรษฐีใหม่ที่ติดอันดับ 44 คน ขณะที่มีเศรษฐี 102 คน หลุดอันดับไป
ความอ่อนแอของค่าเงินยูโรไม่ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐีของยุโรป โดยยังมี 2 คนในยุโรปที่ติดอันดับ 1 ใน 20 ได้แก่ Bernard Arnault (อันดับ 4 ของโลก) ซึ่งเป็นผู้บริหารสินค้า Luxury ของฝรั่งเศส LVMH และ Amancio Ortega (อันดับ 6 ของโลก) ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Inditex ซึ่งเป็นเจ้าของ Brand เช่น Zara
Forbes ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มีเศรษฐีจำนวน 247 หลุดออกจากการจัดอันดับในปีนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ซึ่งเป็นผู้ออกแบบแฟชั่นและผู้ร่วมก่อตั้ง Dolce & Gabbana นอกจากนั้น Li & Fung และ Victor Fund ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเกี่ยวกับการจัดการ Supply Chain ยังหลุดจากการจัดอันดับในปีนี้ หลังจากที่พวกเขาสามารถอยู่ใน Lists มากถึง 18 ปี
ที่มา: (1) http://www.forbesthailand.com/ และ (2) https://www.bbc.com/news