CPF ประกาศผลประกอบการในปี 2561 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยรายได้แตะระดับนิวไฮที่ 5.67 แสนล้านบาท คิดว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุนแต่กำไรสุทธิที่ประกาศออกมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น คือ 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น Net Margin ที่ 2.74% และประกาศจ่ายเงินปันผลที่ไม่น่าประทับใจ คือ 0.3 บาทต่อหุ้น หรือ 1.2% ในงวดครึ่งปี ส่งผลให้ราคาหุ้นไม่ Perform ตลาดเท่าที่ควร และมีแนวโน้มว่าจะถอยลงอีกด้วย
CPF เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีการกระจายการลงทุนที่หลากหลายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ธุรกิจในประเทศไทยรวมถึงต่างประเทศ ในปี 2561 มีสัดส่วนรายได้จากประเทศไทย 38% ต่างประเทศอีก 59% และอื่นๆอีก 3% ด้วยการกระจายการลงทุนที่หลากหลายเช่นนี้เป็นการช่วยลดความเสี่ยงอย่างหนึ่งถ้าประเทศไหนเกิดปัญหาขึ้น ก็จะมีอีกหลายประเทศคอยช่วยเหลือ ในทางกลับกันจะยิ่งเป็นการทำให้ CPF ไม่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง GFPT หรือ TFG ที่มีความโดดเด่นในธุรกิจกลางน้ำ
เปรียบเทียบหุ้น CPF GFPT และ TFG
สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหุ้น CPALL ที่ดูเหมือนว่าทางนักลงทุนจะไม่ให้คุณค่าอะไรมากนัก ด้วย P/E ที่ 13 เท่า และ P/Bv ที่ 1.26 เท่า
หลังจากการประกาศผลประกอบการออกมา ราคาหุ้น CPF มีแนวโน้มทรุดตัวลงต่อโดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่เพียง 1,677 ล้านบาทลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวโรคระบาดหมูในประเทศเวียดนามเข้ามาซ้ำเติม แม้ว่าทั้งปี 61 จะมีกำไรสุทธิ 15,531 ล้านบาทโต 1.8% จากปีก่อน
เรามาดูกันว่านักวิเคราะห์มองประเด็นนี้กันอย่างไร .. ?
== นักวิเคราะห์มองอย่างไร ==
บล.หยวนต้า วิเคราะห์ว่าราคาหมู ไก่ และกุ้งปรับตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจไก่ที่กดดันผลประกอบการอยู่ตลอดเวลา ส่วนธุรกิจต่างประเทศเติบโตได้ดีโดยเฉพาะเวียดนาม ตุรกี รัสเซีย และกัมพูชา
รายได้หลักอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน การหักภาษี และการขายหุ้น CPALL ออกไป ถ้าตัดกำไรพิเศษ จะมีกำไรเหลือเพียง 1.8 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อเนื่องในปี 2562 การอ่อนตัวเป็นจังหวะซื้อสะสมโดยคงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 33.60 บาทต่อหุ้น
บล.เมย์แบงค์กิมเอ็ง รายงานว่าผลประกอบการเป็นไปตามที่ตลาดคาด อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ปี2562 มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวล คือ กำไรสุทธิอาจถูกกระทบจากการบันทึกหนี้สินสำหรับผลประโยชน์พนักงานเมื่อเกษียณ ตาม พรบ. คุ้มครองแรงงานใหม่ อีกประมาณ 1,812 ล้านบาท แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท
บล. ฟิแนนเซีย วิเคราะห์ไว้ว่าทำได้ดีตามที่ตลาดคาดหวัง ประกาศปันผล 0.3 บาท/หุ้น คิดเป็น 1.2% ต่อครึ่งปี คิดว่าปี 2562 จะเป็นอีกปีที่สดใสของ CPF โดยราคาเนื้อหมูและไก่ปรับตัวดีขึ้น ธุรกิจที่ต่างประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น กำไรแทบทุกประเทศยกเว้นที่สหรัฐอเมริกา คงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท
== สรุป ==
CPF เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่ง แต่อัตรากำไรสุทธิต่า ทำให้นักลงทุนมองว่าเติบโตยากแล้ว เลยไม่ให้มูลค่าอะไรมากนัก ในความเห็นนักวิเคราะห์มองว่าในปี 2562 อนาคตของ CPF ยังสดใสต่อเนื่องและเป็นหุ้นที่น่า "ลงทุน"