ผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อพูดถึงหุ้น MBK มีนักลงทุนจำนวนมากอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเพราะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่าไรนัก แต่ถ้าพูดว่าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน แต่เดิม MBK มีธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า อสังหาริมทรัพย์ พื้นที่ให้เช่า ออฟฟิศ โรงแรม ธนาคารธนชาต ธุรกิจอาหาร ที่ปรึกษาทางการลงทุน นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นส่วนห้างสรรพสินค้าอย่างสยามดิสคัฟเวอร์รี่ สยามพารากอน และไอคอนสยามที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน
ในอดีตหุ้นตัวนี้มีสภาพคล่องต่ำ ซื้อขายหลักหมื่นหุ้นต่อวัน ไม่ค่อยมีข่าวอะไรให้ติดตามมากนัก แต่หลังจากการเปิดตัวห้าง "ไอคอนสยาม" ทำให้นักวิเคราห์เริ่มกลับมาจับตาหุ้นตัวนี้มากขึ้นเพราะเชื่อว่า "กำไรโตก้าวกระโดด" อย่างแน่นอน
หุ้นตัวนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ? วันนี้เราลองมาเจาะหุ้นกันดูแบบคร่าวๆ ครับ
== ความหลากหลายของธุรกิจมีทั้งดีและเสีย ==
MBK มีธุรกิจที่เยอะมากซึ่งข้อดี คือ มีการกระจายความเสี่ยงในแง่ของรายได้ เช่นธุรกิจโรงแรมมีช่วง High และ Low ถ้าเจอช่วง Low ก็ยังมีธุรกิจพื้นที่ให้เช่ามาช่วย ธุรกิจห้างสรรพสินค้าเข้ามาเติมเต็ม ซึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าอย่างมาบุญครองถือเป็นแลนด์มาร์คของชาวต่างชาติไปแล้วตรงนี้ก็ถือเป็นจุดเด่น แต่ด้วยความหลากหลายทางธุรกิจทำให้ดูเหมือนว่าบริษัทไม่มีความโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ และบางธุรกิจที่ยังขาดทุน เช่น ธุรกิจข้าวสารมาบุญครอง ธุรกิจร้านอาหารที่ยังมีสาขาน้อยยังไม่ดีเท่าที่ควร
== จุดเด่นที่น่าสนใจคือการเป็น Holding ==
MBK มีการไปถือหุ้นอีกหลายบริษัททั้งที่จดทะเบียนเป็นมหาชน และไม่ได้เป็นมหาชน เช่นการเข้าไปถือหุ้น TCAP จะทำให้ MBK มีรายได้จากธุรกิจการเงินการธนาคาร การถือหุ้นสยามพิวรรธน์ เจ้าของสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ซึ่งห้างเหล่านี้เป็นจุดใจกลางเมืองมีความคึกคักทางเศรษฐกิจสูงมาก อีกทั้งเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวต่างชาติอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพอร์ตการลงทุนในหุ้น BBL KBANK และ SCB ด้วยวงเงิน 3,600 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากการออกหุ้นกู้ระยะยาวโดยมีอัตราดอกเบี้ยจ่ายต่ำกว่าปันผลที่ได้รับ จึงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและยังได้ปันผลสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการถือครองหุ้นดังกล่าว (ที่มา : รายงานประจำปี 2558 MBK หน้า 6)
== ฐานะทางการเงินที่โตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ==
MBK คือหุ้นที่เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติของธุรกิจ ในแง่ของสินทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นตามขนาดของการลงทุน ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น (มาจากกำไรสะสมเพิ่มขึ้น) รายได้ของบริษัทค่อนข้างคงตัว ไม่ได้เติบโตอะไรมากอาจจะเป็นเพราะบริษัทไม่ได้ลงทุนอะไรใหม่ๆ ในช่วงที่ผ่านมาเพราะธุรกิจที่บริษัทมีก็ทำรายได้ให้อยู่แล้ว MBK กำลังทำตัวเป็น Holding ไปถือบริษัทอื่นเพิ่อที่จะรับเงินปันผลมากกว่า รวมถึงกำไรมีความสม่ำเสมอไม่ผันผวนมาก หนี้สินต่อทุนที่ไม่สูงประมาณ 1.2-1.4 เท่า ทำให้คำนวนในเรื่องของการปันผลค่อนข้างง่าย จุดเด่นของหุ้น MBK อยู่ที่ปันผล
ฐานะทางการเงินที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และอัตราปันผลระดับ 4% อย่างสม่ำเสมอ
== ปันผลสม่ำเสมอ อยู่ที่ 4% ==
MBK มีการปันผลเฉลี่ย 4% มาโดยตลอด เมื่อเทียบกับ P/E ระดับ 10 เท่า และ P/BV 1.5 เท่า
== บริษัทซื้อหุ้นคืน ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับหุ้น ==
ว่ากันว่าสิ่งที่ฝ่ายบริหารจะทำสิ่งที่จริงใจให้กับผู้ถือหุ้นได้มากที่สุด คือการซื้อหุ้นคืน .. MBK เคยมีการซื้อหุ้นคืนในช่วงปี 2556 ด้วยวงเงิน 2.8 พันลบ. ผลของการซื้อหุ้นคืน จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเดิมกล่าวคือ จำนวนหุ้นลดลง แม้ว่ารายได้ของบริษัทเท่าเดิม แต่ถ้าหารออกมาเป็นกำไรต่อหุ้นแล้วจะมากขึ้น ส่วนแบ่งของแต่ละหุ้นก็จะมากขึ้น
== หุ้น MBK ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ==
อย่างที่กล่าวไป MBK เป็นหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลสม่ำเสมอ แต่ด้วยสภาพคล่องที่ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ (ตามธรรมชาติของหุ้นที่เริ่มหมดข่าว) อาจจะไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบกำหนดกรอบของการลงทุน เช่น ลงทุนใน 6 เดือนหรือ 1 ปี แต่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบในธุรกิจและพร้อมรับปันผลได้ในระยะยาว หุ้นที่เติบโตไปตามเศรษฐกิจ โตไปตามการท่องเที่ยวของไทยด้วย P/E ระดับ 10 เท่า และปันผล 4% หาไม่ได้ง่ายๆครับ