นักลงทุนชาวไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับหนังสือ The Complete Turtle Trader มากนักอาจเพราะว่าไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย แต่ถ้าพูดถึงหนังสือ Market Wizards ของ Jack Schwager เชื่อว่าทุกคนจะต้องร้อง อ่อ! อย่างแน่นอน ...

หนังสือเรื่อง The Complete Turtle Trader เขียนโดยไมเคิล โคเวล ซึ่งเขาได้อ่านหนังสือ Market Wizards แล้วรู้สึกได้รับแรงบรรดาลใจจากการอ่านเป็นอย่างมากและอยากจะเขียนหนังสือออกมา 1 เล่ม เพื่อแสดงให้เห็นว่า "การถ่ายทอดระบบเทรดดี สามารถสร้างเทรดเดอร์ให้ประสบความสำเร็จได้" เรื่องราวน่าสนใจมาก จะเป็นอย่างไรลองอ่านกันดูครับ ...

== จุดเริ่มต้นของหนังสือ == 
ถามว่าไมเคิล โคเวล เป็นใคร ... เขาเป็นนักลงทุนที่เก่งมากคนหนึ่ง ปัจจุบันได้ก่อตั้งเว็บไซด์ TurtleTrader.com และ TrendFollowing.com ซึ่งจะเน้นหนักไปที่สายเก็งกำไรมากกว่าที่จะมองหุ้นคือการลงทุนระยะยาว

The Complete Turtle Trader เขียนโดย Michael Covel
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia

ก่อนที่เขาจะมาเขียนหนังสือเรื่อง The Complete Turtle Trader เขาได้เขียนหนังสือเรื่อง Trend Following: Learn to Make Millions in Up or Down Markets ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า "การเก็งกำไร" ถ้ามีระบบเทรดที่ดีก็สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยยกตัวอย่างบุคคลสำคัญและแนวคิดของคนหลายๆคน เช่น David Harding, Ed Seykota และ Jesse Livermore

ในหนังสือ The Complete Turtle Trader ได้บอกเล่าเรื่องราวของเทรดเดอร์ 2 คนที่มีตัวตนอยู่จริง คือ ริชาร์ด เดนนิส และ วิลเลี่ยม เอ็คคอร์ด ซึ่งทั้งสองมีแนวคิดที่แตกต่างกัน กล่าวคือริชาร์ดเชื่อว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จ สามารถถ่ายทอดกันได้ ในขณะที่วิลเลี่ยมเชื่อว่าการเทรดเป็นเรื่องของพรสวรรค์ และไม่สามารถถ่ายทอดกันได้ เทรเดอร์จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีแนวทางเป็นของตัวเอง

ริชาร์ดต้องการพิสูจน์ให้วิลเลี่ยมเห็นว่าความคิดของตนเองนั้นถูกต้อง จึงได้ประกาศลงในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในปี 1983 เพื่อเปิดรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการเป็นเทรดเดอร์ให้มาเข้าร่วมโครงการ โดยโครงการนี้ชื่อว่า TurtleTrader ใครที่สนใจจะต้องเซ็นสัญญาที่เรียกว่า Turtle Contract เป็นเวลา 5 ปี มีสัญญาค่อนข้างละเอียด ตัวอย่างเช่น

- ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การเทรดมาก่อน
- ถ้าได้กำไรจะต้องแบ่งกำไรจากการเทรด 85% ให้กับโครงการ และไม่ต้องจ่ายหากขาดทุน
- การเทรดแต่ละครั้งต้องเทรดในนามของเดนนิส และห้ามเอาวิชาไปเทรดให้กับตัวเองหรือคนอื่น ระหว่างที่ติดสัญญาอยู่
- หลังจากจบสัญญาแล้ว ห้ามสมาชิกนำวิชาที่ได้จาก TurtleTrader ไปเผยแพร่เป็นระยะเวลาอีก 5 ปี (รวมทั้งสิ้น 10 ปี)

ทั้งโครงการผ่านการคัดเลือกเพียงแค่ 23 คน หลังจากผ่านการอบรมและเทรดแล้ว มี 8 คน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าดัชนีดาวโจนส์มาก มี 10 คนที่ทำผลตอบแทนได้ "ไล่เลี่ย"กับดัชนี และส่วนที่เหลือสร้างผลตอบแทนได้น้อยกว่าตลาด ดังนั้น ริชาร์ดจึงสรุปว่า ระบบเทรดที่ดี (Systematic Approach) สามารถถ่ายทอดและสร้างให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้

** Systematic Approach แปลได้หลายความหมาย ถ้าพูดถึงในแง่การเก็งกำไร อาจจะหมายถึงระบบเทรด แนวคิดการเทรด เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึงการลงทุนจะหมายถึง แนวคิด หรือที่คนไทยชอบเรียกว่า "MindSet" นั้นเอง

== The Rules ข้อคิดที่ได้ ==

1.Trend is your friend แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ
กฏข้อนี้ถือเป็นกฏเหล็กของเทรดเดอร์เลยก็ว่าได้ แนวโน้มจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาหุ้น เทรดหุ้นที่ดีจะต้องเลือกเครื่องมือที่ถูกเพื่อบอกแนวโน้มของราคาหุ้นให้ได้ ในหนังสือได้ขยายความเรื่องนี้อีกว่า
-- ให้ดูราคาหุ้นเพียงอย่างเดียว อย่าสนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เช่น นักข่าว หนังสือพิมพ์ สิ่งเหล่านี้จะรบกวนการตัดสินใจของเรา
-- มีแผนในเรื่องการ "ตัดขาดทุน" ที่ชัดเจนทุกครั้ง 
-- ใช้เครื่องมือเพียง 1-2 ตัว เพื่อค้นหาจังหวะซื้อ จังหวะขาย ยิ่งมากเครื่องมือยิ่งทำให้สับสน
-- ตัดขาดทุนเมื่อผิดทาง และซื้อเพิ่มเมื่อมาถูกทาง

2. เงินก้อนใหญ่ มาจากหุ้นที่ลงมาต่อเนื่องและยาวนาน (Big Downtrend)

3. เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องจัดการ 3 อย่างให้ได้ก่อน คือ เครื่องมือกราฟ ความเสี่ยงและเงินหน้าตัก

4.เทรดเดอร์ไม่ควรอ่านข่าวระหว่างเทรด

5. ยืนอยู่บนปัจจุบัน อย่าคาดหวังว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นไปเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้ตลาดจะเป็นผู้กำหนดเอง

6. ระบบเทรดที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

7. อารมณ์ คือ ศัตรูของเทรดเดอร์ ดังนั้นต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้

8. การตัดสินผลลัพธ์ด้วยผลตอบแทนต่อปีที่ทำได้ ไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้นเก่งเสมอไป เขาแค่ "เสี่ยง" มากกว่าปกติ แต่สิ่งที่จะตัดสินคือ "กระบวนการ"

== สรุป ==
หนังสือเรื่อง The Complete Turtle Trader เป็นหนังสือที่น่าสนใจมากสำหรับสายเก็งกำไร รวมถึงคนที่อยากจะเป็นเทรดเดอร์ แต่อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับมือใหม่ หรือสายลงทุนระยะยาว เพราะบทสรุปของหนังสือเล่มนี้สรุปได้ว่า ระบบเทรดที่ดีสามารถถ่ายทอดให้กันและกันได้ มันไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของความมุ่งมั่นที่อยากจะศึกษามากกว่า