เป็นดราม่ากันมากกับหุ้นโรงเรียนสามารถเข้าตลาดหุ้นได้หรือไม่ ? แต่ในประเทศจีนได้นำหุ้นโรงเรียนเข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะเข้าตลาดหุ้นจีนไม่ได้ด้วยข้อกฏหมายบางอย่าง แต่สามารถนำไปเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร กรณีศึกษาน่าสนใจมากแค่ไหน ลองมาอ่านกัน
โรงเรียน RYB Education ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 โดยสองผู้ก่อตั้ง คือ เฉาซือหมิน (曹赤民) และซือเหยียนหลาย (史燕来) โดยทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันในมหาวิทยาลัยปักกิ่งและจบโทที่มหาวิทยาลัยชิงหัวทางด้านครูโดยตรง หลังจากจบออกมาทั้งสองได้ออกแบบคอร์สเรียนสำหรับเด็กอนุบาล ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงประถมโดยเน้นหนักไปที่การเล่นมากกว่าการเรียนและเขียนภาษาจีน
ทางเฉาซือหมินเห็นว่าการเล่นจะทำให้เด็กพัฒนาได้ดีกว่าการเรียนแบบจริงๆจังๆในโรงเรียน และพ่อแม่ควรทุ่มเทเวลาในการสอนหนังสือให้กับเด็ก
หลังจากออกแบบคอร์สเรียนแล้วจึงได้ยืนให้กับทางภาครัฐของเปิดเนอสเซอรี่ และโรงเรียนอนุบาลที่เมืองปักกิ่ง ปรากฏว่า RYB เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ผู้ปกครอง ที่อยากให้บุตรหลานใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างคุ้มค่าไปกับการเล่นมากกว่าการเรียน แต่หลังจากมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องและความต้องการของผู้ปกครองบางส่วนที่อยากให้ RYB สอนวิชาการกับเด็กอนุบาลแบบจริงๆจังๆ ทางผู้บริหารก็ออกแบบคอร์สมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองกลุ่มนี้
ราคาหุ้น RYB Education ร่วงลงมาอย่างรุนแรง
ที่มาภาพ : Yahoo Finance
ในปี 2001 โรงเรียน RYB เริ่มขายเฟรนไชส์ธุรกิจเนอสเซอรี่ ทำให้บริษัทเติบโตก้าวกระโดดอย่างมาก แต่นั้นก็เป็นเหมือนดาบสองคมและพบกับปัญหาเป็นอย่างมาก เช่นในปี 2005 เนอสเซอรี่ในมณฑลจือหลิน เจอกับปัญหาทำร้ายร่างกายเด็ก ทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก หรืออย่างในปี 2016 เกิดโรคระบาดในเด็ก สื่อจีนโทษว่าโรงเรียน RYB เป็นต้นเหตุในการแพร่โรคระบาดในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม โรงเรียน RYB Education ได้ตัดสินใจขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คในวันที่ 27 เดือนกันยายน ปี 2017 โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้น 3 กลุ่ม ได้แก่ กองทุน Ascendent Rainbow (Cayman) Limited ถือหุ้น 30% เฉาซือหมินถือหุ้น 23.6% และซือเหยียนหลายถือหุ้น 13.5% การเสนอขายหุ้นครั้งแรกเปิดตลาดที่ราคา 29 ดอล์ล่าร์ต่อหุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นเหลืออยู่ 8.4 ดอล์ล่าร์ต่อหุ้น
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ?
สาเหตุที่ 1 บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุน
ถึงแม้ว่านักเรียนจะเพิ่มขึ้นในแต่ละปี รายได้เพิ่มมากขึ้นแต่บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิ ก่อนที่จะมากำไรในช่วงก่อนจะเข้าตลาดเพียง 1 ปี ทำให้นักลงทุนมองว่าบริษัทมีกำไรที่ "ไม่คงที่" และยากแก่การประเมินมูลค่า
ในปี 2014 บริษัทขาดทุน 1.9 ล้านเหรียญ
ในปี 2015 บริษัทขาดทุน 0.6 ล้านเหรียญ
ในปี 2016 บริษัทกำไร 6.5 ล้านเหรียญ
ในปี 2017 บริษัทกำไร 7.1 ล้านเหรียญ (ช่วงที่บริษัทเข้าตลาด)
สาเหตุที่ 2 บริษัทมีกำไรต่อหุ้นต่ำ ทำให้ P/E Ratio ออกมาสูงกว่าที่ควรจะเป็น
บริษัทมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.13 ดอล์ล่าร์ต่อหุ้น เมื่อนำมาเทียบกับราคาหุ้นที่ 8.4 ดอล์ล่าร์แล้ว เท่ากับว่าหุ้นมี P/E ที่สูงถึง 66.4 เท่า อยู่ในระดับราคาที่แพงมาก
PE ของหุ้น แตะระดับ 66 เท่า และไม่เคยจ่ายปันผล
ที่มาภาพ : Yahoo Finance
สาเหตุที่ 3 บริษัทไม่จ่ายปันผล
ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ บริษัทยังไม่มีประวัติการจ่ายปันผล ถึงแม้ว่าบริษัทจะประกาศตัวเองอยู่ในกลุ่ม Growth Stock อยู่ในเฟสของการลงทุน ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก บริษัทจึงไม่สามารถจ่ายปันผลได้ ทำให้นักลงทุนคิดว่าการ "ถือ" หุ้น จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆเลย นอกจาก Capital Gain เพียงอย่างเดียว
เรื่องของการจ่ายปันผลและบริษัทที่ไม่ได้จ่ายปันผล เคยมีบทวิจัยออกมาว่าบริษัทที่มีการจ่ายปันผล หุ้นจะตกน้อยกว่าหุ้นที่ไม่จ่ายปันผล เพราะว่านักลงทุนจะวิเคราะห์ตลอดเวลาว่าหุ้นที่ตกลงมา มีความคุ้มค่ามากแค่ไหนที่จะถือครองหุ้นต่อไป ในขณะที่หุ้นไม่จ่ายปันผล หุ้นจะลงได้เร็วและแรงกว่าเพราะนักลงทุนจะไม่ได้อะไรเลยในการถือครองหุ้น
ปัจจุบันหุ้น RYB Education มีอัตราส่วนทางการเงินที่ถือว่า "แพง" พอสมควร บริษัทมีค่า P/E ที่ 66 เท่า ค่า P/BV ที่ 2.25 เท่า ROA ประมาณ 1.7% ROE อยู่ที่ 6.28 เท่า และยังไม่เคยจ่ายปันผล
== สรุป ==
โดยทั่วไปแล้ว อุตสาหกรรมการศึกษาแข่งขันกันสูงมาก ไม่เพียงแค่เอกชนที่แข่งกัน แต่คู่แข่งที่สำคัญคือโรงเรียนรัฐบาล อีกทั้งแนวโน้มของประชากรศาสตร์ที่นิยมมีลูก 2-3 คนต่อครอบครัว ทำให้ประชากรของโลกมีแนวโน้มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เมื่อเด็กเกิดน้อย โรงเรียนอนุบาลก็ยากที่จะเติบโต
โรงเรียน RYB Education พยายามหาการเติบโตรอบใหม่โดยการขายเฟรนไชส์ แต่การควบคุมคุณภาพทำได้ยากยิ่ง จึงเกิดปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาความรุนแรง และปัญหาเรื่องโรคระบาด และที่สำคัญคือ การทำธุรกิจในจีนถ้าไม่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล ทำอะไรก็จะติดขัดอยู่ตลอดเวลา
RYB Education ขายในตลาดหุ้นอเมริกาที่ราคา 29 เหรียญ ปัจจุบันเหลือเพียง 8 เหรียญเท่านั้น เหตุผลสำคัญที่สุด คือ นักลงทุนมองว่า "หุ้นแพง"
นี้ถือเป็นกรณีศึกษา "หุ้นโรงเรียน" ที่น่าสนใจมาก .. เพื่อนๆมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://brandinside.asia/analysis-case-study-when-university-or-schools-goes-to-public/?fbclid=IwAR0mEIFv_WyiU4l1bFMh2MySfndmMFD0kXHefEt7LGZTku0_yhNGrueoXiI
https://en.wikipedia.org/wiki/RYB_Education
https://finance.yahoo.com/quote/RYB/