"AJ พระเอกตัวจริง"
ในมุมนักลงทุน ประโยคนี้อาจจะคุ้นหูกันไม่มากก็น้อย เพราะนี้เป็นคำโปรโมตของตัวหุ้น AJA หรือบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) แต่เดิมบริษัททำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีชื่อเสียงมากคือเครื่องเล่นดีวีดี และกล่องรับสัญญาณภาพ SET Top box ที่เคยเป็นข่าวรายวันอยู่ช่วงหนึ่งหลังการประมูลช่องทีวีดิจิตอล แต่ด้วยธุรกิจเครื่องเล่นดีวีดีที่เรียกว่า "ตกยุค" ไปแล้ว บริษัทจึงต้องหาอะไรใหม่ๆทำ แล้วสิ่งใหม่ๆที่ว่า คืออะไรกันแน่ ... วันนี้เราจะมาไขคำตอบกันครับ
AJA ชื่อเดิมคือ AJD หรือบริษัทคราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เพราะต้องการนำบริษัทไปสู่การเป็น Holding Company เต็มรูปแบบ โดยมี 5 ธุรกิจในมือ คือ
1. ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า
2. ธุรกิจสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ภายใต้ตราสินค้า AJ และร่วมมือกับแบรนด์อื่นได้แก่ MGT, ASTON และ DENGO
3. ธุรกิจตู้เติมเงิน "เอเจเติมสบาย" *** (ปัจจุบันได้ขายธุรกิจออกไปแล้ว)
4. ธุรกิจทำการตลาด E-Commerce และทำโลจิสติกส์โดยร่วมมือกับ Alibaba.com จัดตั้งธุรกิจ Best Logistics
5. ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า EV ภายใต้ตราสินค้า "BYD" โดยจับมือกับกลุ่มยนตกิจ ก่อตั้งบริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด โดย AJA ถือหุ้น 45% เมื่อช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา
AJA พยายามหา "การเติบโต" รอบใหม่ โดยการพยายาม"ปั้น"ธุรกิจตู้เติมเงิน แต่ผลประกอบการขาดทุนอยู่ต่อเนื่อง จึงตัดสินใจขายบริษัททำตู้เติมเงินออกไป เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปี 2560 ยังเหลือ 2 ธุรกิจที่ยังเป็นความหวังให้กับนักลงทุนอยู่ คือ ธุรกิจทำการตลาดให้ Alibaba และรถยนต์ไฟฟ้า
อัตราส่วนสำคัญของหุ้น AJA
ขอบคุณภาพจาก : set.or.th
ปี 2557 บริษัทมีรายได้ 1.86 พันล้านบาท และกำไร 122.4 ล้านบาท
ปี 2558 บริษัทมีรายได้ 1.76 พันล้านบาท และกำไร 6 ล้านบาท
ปี 2559 บริษัทมีรายได้ 2.55 พันล้านบาท และกำไร 355 ล้านบาท
ปี 2560 บริษัทมีรายได้ 682 ล้านบาท แต่ขาดทุน 409 ล้านบาท
ปี 2561 บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุนไปแล้ว 5 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าบริษัทมีรายได้ไม่คงที่ และระยะหลังกลับมีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ลดลง
ปัจจุบัน ถ้าถามนักลงทุนว่า AJA ทำธุรกิจอะไร เชื่อว่า 90% จะตอบว่า "ทำเครื่องเล่น DVD" หรือไม่ก็ตู้เติมเงิน แสดงให้เห็นว่าบริษัทยังไม่สามารถสร้างภาพธุรกิจใหม่ๆให้นักลงทุนเข้าใจได้ หรือเป็นเพราะการ "ปั้นธุรกิจ" ทำการตลาดร่วมมือกับ Alibaba ยังคลุมเคลือ และธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่ชัดเจน จะไม่สามารถเป็นไม้ต่อให้กับ AJA ได้จริงๆ
แต่ที่แน่ๆคนที่เดือดร้อนที่สุดน่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ยังคงติดหุ้นตัวนี้ จะให้ซื้อก็ไม่ไหว จะให้ขายตอนนี้ก็ทำใจไม่ได้ไปเสียแล้ว ....
== สรุป ==
AJA ยังทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ธุรกิจเดิมไม่โตแล้วจึงต้องหาธุรกิจใหม่ คือทำการตลาด โลจิสติกส์ หาสมาชิกให้เว็บไซด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba และจัดจำหน่ายธุรกิจรถไฟฟ้า แต่ธุรกิจ 2 อย่างหลังนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนว่าไปถึงไหนแล้ว ยังคลุมเคลือกันต่อไปครับ
กราฟราคาหุ้น AJA
ขอบคุณภาพจาก : Bisnews Professional
stock2morrow สรุปข่าวสารหุ้น การลงทุน สำหรับบริษัทขนาดไม่ใหญ่ มาให้เพื่อนๆ นักลงทุนอ่านกัน ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างหุ้นที่อยุ่ในกระแสขึ้นมาเท่านั้น นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย
แหล่งข่าวอ้างอิง
https://www.ryt9.com/s/prg/2806678
https://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?id=aDFpdytuMWJUVVE9