ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อ่านเอกสารของ "กองทุนรวม" ไม่เข้าใจ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเอกสารของกองทุนรวมเต็มไปด้วยคำศัพท์เฉพาะทาง ที่เราไม่ค่อยจะได้เจอในชีวิตประจำวันเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Risk Ratio, Beta, Information Ratio, ค่าความแปรปรวนของกองทุน , Standard Deviation หรือ Percentile นี้ยังไม่นับรวมคำศัพท์ทางกฏหมาย และหมายเหตุอีกจำนวนมาก ทำให้นักลงทุนจำนวนมากต้องยอมแพ้และไม่อยากจะอ่านมันอีกเลยเพราะอ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ถึงแม้ว่าเราจะอ่าน "สรุปส่วนสำคัญ" ของกองทุนรวม ก็มีมากมายอีกหลายหน้าจนทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เราอ่านอยู่นั้นเป็นส่วน "สรุป" จริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ซับซ้อน นี้คือ 4 สิ่งที่เราต้องดู ครับ .....
- เอาเงินเราไปทำอะไร กองทุนก่อตั้งมานานหรือยัง
- เก็บค่าธรรมเนียมแพงหรือไม่เมื่อเทียบกับกองทุนค่ายอื่นๆในการลงทุนคล้ายๆกัน
- มีการจ่ายเงินปันผลหรือไม่ และในอดีตที่ผ่านมาจ่ายไปแล้วกี่ครั้ง สม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหน
- ผลตอบแทนในอดีตเป็นอย่างไร เทียบ Benchmark แล้วชนะหรือไม่ แล้วเทียบกับกองทุนอื่นๆที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายๆกัน มีความโดดเด่นมากน้อยแค่ไหน
อันดับแรก เอาเงินเราไปทำอะไร กองทุนก่อตั้งมานานหรือยัง
เงินที่เราซื้อหน่วยลงทุนไปซื้อหุ้นในกลุ่มไหน หรือลงทุนในตราสารหนี้ มีนโยบายการลงทุนตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ ถ้ากองทุนชนิดนั้นลงทุนในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกที หรือที่เรียกว่า Master Fund เราจำเป็นจะต้องไปค้นต่อว่า Master Fund ถือหุ้นอะไรมากที่สุด ซึ่งเราสามารถนำชื่อกองทุนไปค้นหาใน Google ได้เลยครับ มีเปิดเผยอยู่แล้ว
ที่สำคัญ กองทุนที่เราจะลงทุนก่อตั้งมานานแค่ไหน ถ้าก่อตั้งมาหลายปีจะมีผลการดำเนินงานให้เราเห็นว่าเป็นอย่างไร ดีหรือแย่กว่าตลาด
อันดับที่สอง เก็บค่าธรรมเนียมแพงหรือไม่เมื่อเทียบกับค่ายอื่น
การลงทุนแต่ละกองแตกต่างกัน นโยบายต่างกัน ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บย่อมไม่เท่ากัน กองทุนอิงดัชนีมักจะมีค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่ากองทุนแอคทีฟ แต่กองทุนที่มีค่าธรรมเนียมแพงกว่าไม่ได้เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าจะทำผลงานออกมาได้ดีกว่า
อันดับที่สาม มีการจ่ายเงินปันผลหรือไม่
ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญ การถือครองหน่วยลงทุนนานๆ สิ่งที่ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ผลตอบแทนระหว่างทางคือ "ปันผล"ตรวจสอบดูว่ากองทุนนั้นมีปันผลหรือไม่ ถ้ามี..ปันผลเท่าไร จ่ายไปแล้วกี่ครั้ง มีความสม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหน
อันดับที่สี่ ผลตอบแทนในอดีตเป็นอย่างไร
ตัวนี้จะเป็นตัวตัดสินให้เราเลือกที่จะซื้อหน่วยลงทุน โดยปกติกองทุนแต่ละกองจะมี Benchmark เปรียบเทียบ เช่นกองทุนที่ลงทุนใน SET50 จะมีดัชนี SET50 เปรียบเทียบว่าสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า แย่กว่า หรือเท่าๆกัน นอกจากนี้จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบกับกองทุนของค่ายอื่นที่มีนโยบายลงทุนคล้ายกันว่าผลตอบแทนที่ผ่านมาดีกว่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะสร้างผลตอบแทนแบบนี้อีกในอนาคต เราอาจจะเลือกผลตอบแทนกลางๆแต่มีความ "สม่ำเสมอ" จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
== สรุป ==
การเลือกลงทุนในกองทุนรวมเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนกับการเลือกหุ้น คือ "ต้องทำการบ้าน"
และนี้คือ 4 ข้อหัวใจสำคัญที่เราต้องรู้ คือ เอาเงินเราไปทำอะไร, เก็บค่าธรรมเนียมแพงไหม, จ่ายปันผลหรือไม่ และผลตอบแทนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
-------------------------------------
stock2morrow เห็นว่าช่วงใกล้สิ้นปี เพื่อนๆ น่าจะกำลังมองหากองทุนกันอยู่ ลองนำไปปรับใช้เลือกลงทุนกันต่อได้เลย