#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ส่องภาพรวมเศรษฐกิจโลกและไทย

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
182 views

เริ่มเข้าใกล้ปลายปีเข้ามาทุกที เศรษฐกิจยังเป็นเรื่องที่ยังถูกให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะรัฐบาลของบิ๊กตู่ เพื่อเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ รวมถึงการแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน

เศรษฐกิจไทยปัจจุบันได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังสามารถรักษาเสถียรภาพการเงินได้อย่างมั่นคง โดย IMF ได้คาดการณ์ GDP ของประเทศไทยไว้ที่ร้อยละ 4.6 โดยที่ในกลุ่มประเทศ EM จะมี GDP เฉลี่ยร้อยละ 4.7 ขณะที่ GDP เฉลี่ยของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ร้อยละ 2.4 และ World GDP เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถมาตรฐาน และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่นักลงทุนยังต้องติดตาม เพื่อที่สามารถเข้าใจและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นได้

เริ่มต้นกันที่ “สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน” ยังเป็นปัจจัยที่ยังกดดันต่อตลาดทุนทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี สำหรับนโยบายการกีดกันทางด้านการค้าระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุด FT.com  ได้รายงานว่า สหรัฐได้ชะลอการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเอาไว้ชั่วคราว ซึ่งส่งสัญญาณลดความตรึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ตลาดดาวน์โจนส์บวกขึ้นตอบรับข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนในการแก้ปัญญาการค้าระหว่างสองประเทศ ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งจะยังส่งผลให้กดดันตลาดทุนทั่วโลกต่อไป 

นอกจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจแล้ว สหรัฐยังได้เผชิญกับ “ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งล่าสุด” โดยพรรคเดโมแครตพลิกกลับมาครองเสียงข้างมาในสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งเป็นผลให้รัฐบาลของ ปธน.ทรัมป์ สั่นคลอน ถึงแม้ว่าพรรครีพับบลิกันยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาอยู่ อย่างไรก็ตาม จากผลการเลือกตั้งดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลปัจจุบันมีข้อจำกัดและทำงานได้ยากขึ้น ส่งผลให้กระแสการต่อต้าน ปธน. ทรัมป์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ซีกฝั่งภูมิภาคยุโรปก็ยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดทุนทั่วโลกเช่นกัน อย่างในกรณี “BREXIT” ที่ยังล่าสุดยังส่อเค้าวุ่นอีกรอบ หลังจากที่มีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ ทยอยลาออก เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงที่นางเมย์ได้ทำกับสหภาพยุโรป หรือ EU โดยให้เหตุผลว่า ข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจาก EU ดังกล่าว ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่โหวตให้ออกจาก EU อย่างเด็ดขาด ตามการลงประชามติเมื่อปี 2559 อย่างไรก็ตาม นางเมย์ ยังยืนกรานว่าข้อตกลงดังกล่าว จะส่งผลดีต่อประชาชนชาวอังกฤษ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพ EU ต่อไปได้ นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีหญิง ยังปฏิเสธข่าวการลาออกจากตำแหน่ง พร้อมให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อทำให้ข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ได้สำเร็จ ผลจากความแตกแยกของรัฐบาลอังกฤษดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากปัจจัยทางด้านต่างประเทศแล้ว กลับมาที่ปัจจัยภายในประเทศ อย่าง "การคงอัตราดอกเบี้ย" นโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ได้ประกาศผลการประชุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 61 โดยให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% เท่าเดิม เพื่อให้สะท้อนอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ด้วยคะแนน 4 ต่อ 3 เสียง อย่างไรก็ตาม ผลการคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มที่ กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักได้ให้ความเห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เพื่อรักษาระดับผลต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและอัตราดอกเบี้ยของไทยให้ไม่มากนัก ...

-----------------------

stock2morrow สรุปช่าวสารในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การลงทุนภาพรวมของระบบเศรษฐกิจของโลกและของไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ เป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรเฝ้าระวังไว้ก่อน


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง