#แนวคิดด้านการลงทุน

ทำไมวอเร็น บัฟเฟตต์ ถึงไม่ชอบ "ทองคำ" ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
179 views

"ทองคำ คือสินทรัพย์ที่จะเพิ่มมูลค่าในระยะยาว"
"ทองคำ คือสินทรัพย์ปลอดภัย ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน"
"ทองคำ คือสินทรัพย์ที่ได้รับการทดสอบมาหลายร้อยปีแล้วว่า มันจะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมมูลค่า"

เชื่อว่าคนจำนวนมากเคยได้ยินประโยคข้างต้นจากโบรคเกอร์ นักวิเคราะห์ หนังสือทางด้านการลงทุน สื่อ มามากแล้ว และเกือบทุกคนก็คิดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทองคำ" คือสินทรัพย์การลงทุนที่สมเหตุสมผล แต่คงไม่ใช่กับชายที่ชื่อวอเร็น บัฟเฟตต์ อย่างแน่นอน

ผมได้มีโอกาสกลับไปอ่านหนังสือเรื่อง Tap Dancing to Work เขียนโดย แคลลอร์ เจ ลูมิส คนนี้เขาเป็นนักเขียน และเป็นเพื่อนสนิทที่ได้ใกล้ชิดวอเร็น บัฟเฟตต์ ว่ากันว่ารายงานประจำปีของเบิร์กไซด์ฮาธาเวย์ที่ออกมาทุกปี แคลลอ เจ ลูมิสคนนี้เขาเป็นคนเรียบเรียงให้ด้วย ดังนั้นเขาอาจจะเป็นคนแรกของโลกที่ได้อ่านงานเขียนของบัฟเฟตต์ก่อนใคร ..

ทำไมวอเร็น บัฟเฟตต์ ถึงไม่ชอบ "ทองคำ" ... เขาได้เขียนแสดงความเห็นลงไปในรายงานประจำปีเบิร์กไซด์ ฮาธาเวย์ ปี 2011 ซึ่งตอนนั้นราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง จนทุกคนยอมรับว่า "ทองคำ" จะเป็นขาขึ้นตลอดไป แต่สำหรับบัฟเฟตต์แล้วเขามีความเห็นต่าง และทองคำไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อการลงทุน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ... ขออนุญาตเรียบเรียงใหม่จากสิ่งที่ได้อ่านครับ ..

--------------------

ทองคำ สินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ว่า "ปลอดภัย" แต่สำหรับผมแล้วมันมีจุดอ่อนอยู่สองประการ คือหนึ่งตัวมันเองเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ และสอง มันไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรขึ้นมาได้อีกเลย จริงอยู่ทองคำมีประโยชน์ในแง่อุตสาหกรรมบางอย่างและใช้เป็นเครื่องประดับ แต่ความต้องการในแง่ดังกล่าวมีอยู่อย่างจำกัด และทองคำไม่สามารถทำให้ตัวมันเองเพิ่มปริมาณขึ้นได้ ถ้าคุณมีทองคำหนึ่งออนซ์ ทองคำนั้นจะเป็นหนึ่งออนซ์ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นของทองคำยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้นอยากจะซื้อมันจนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคือความสมเหตุสมผลในสภาวะเศรษฐกิจที่เป้นอยู่อย่างตอนนี้ นักลงทุนที่ชอบแห่ตามกัน มักจะสร้างความจริงบางประการมาปลอบประโลมใจตัวเองอยู่เสมอ ..

ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งหุ้นอินเตอร์เน็ตและราคาบ้านได้แสดงให้เห็นถึงความเฟ้อเกินไป อันเป็นการผสมผสานของคนส่วนที่คิดว่ามีเหตุผลกับราคาที่ไม่สมเหตุสมผลในความเป็นจริง ในภาวะฟองสบู่ กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เคยลังเลสงสัย มักยอมรับต่อ "ข้อพิสูจน์" ที่ตลาดแสดงให้เห็น และกลุ่มของผู้ซื้อจะขยายตัวออกไปเป็นวงกว้างเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรมแห่ตามกันไปหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แล้วฟองสบู่ก็แตกออกมา เมื่อนั้น คำกล่าวโบราณจะได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่า ...

"What the wise do in the beginning, fools do in the end."
"สิ่งที่คนฉลาดทำในตอนเริ่มต้น คนโง่จะเป็นคนจบมันในท้ายที่สุด"

วันนี้ ทองคำของโลก "น่าจะ" มีอยู่ประมาณ 170,000 เมตริกตัน ณ ราคา 1,760 ดอล์ล่าร์ต่อออนซ์ ถ้าเอามารวมกันจะเท่ากับ 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า "ก้อน A"

เอาละ! ที่นี้เรามาสร้าง "ก้อน B" กันบ้าง ...

ก้อน B ที่ว่านี้ ผมสมมุติให้มันมีราคาเท่ากับก้อน A แต่เราจะเอามันมาซื้อไร่นาทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา จำนวน 400 ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 2 แสนล้านเหรียญต่อปี บวกกับบริษัทเอ็กซอนโมบิล จำนวน 16 บริษัท โดยแต่ละแห่งทำกำไรปีละ 4 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากซื้อของดังกล่าว เราจะเหลือ "เศษเงิน" ติดกระเป๋าอยู่ราวๆ 1 ล้านล้านดอล์ล่าร์ ... เราลองคิดดูว่าจะมีใครคนไหนซื้อก้อน A แทนที่จะซื้อก้อน B ??

เราจะเห็นได้ว่า ทองคำ ณ ราคาปัจจุบันมีราคาที่ไม่สมเหตุสมผล ... ถ้า 10 ปีผ่านไป ที่ดิน 400 ล้านเอเคอร์และบริษัทเอ็กซอลโมบิล จะสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล รวมถึงจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ในขณะที่ทองคำก็ยังเป็นทองคำอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถสร้างผลผลิตอะไรให้แก่คุณได้เลย

คุณอาจจะลูบคลำมันด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆแน่นอน

ผมขอสรุปว่า นักลงทุนที่จะทำอะไรก็ต้องรอให้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยเสียก่อน จึงพลาดโอกาสการลงทุนงามๆครั้งใหญ่ในชีวิตไป 

--------------------

stock2morrow ขอนำบทความนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมวอเร็น บัฟเฟตต์ ถึงไม่ชอบ "ทองคำ" แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นความเห็นส่วนบุคคล แต่ละคนย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุด คือ ศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน ทุกครั้ง 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง