บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกหนึ่งตัวที่นักลงทุนให้ความสนใจ ดำเนินธุรกิจโดยผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงงานขยะ รวมไปถึงยังมีธุรกิจปั๊มมันดีเซล วันนี้ ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญของธุรกิจนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจในหุ้นกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
TPIPP มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นเหมือนบริษัทแม่คือ TPIPL โดยถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 70 ตามไปด้วยผู้ถือหุ้นอื่นๆ ที่ถือในสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 1 เช่น The bank of New York, South East Asia UK Nominee Limited ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยทั่วไป
ลักษณะการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ผลิตและขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วขนาด 290 เมกะวัตต์ และจะเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 โรงไฟฟ้าขนาด 150 เมกะวัตต์ จะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 440 เมกะวัตต์ โดยผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิง 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ โรงไฟฟ้าที่ผลิตด้วยความร้อนทิ้งจากโรงปูนซีเมนต์ (Waste Heat) โรงไฟฟ้าที่ผลิตด้วยขยะที่ผ่านการคัดแยกแล้ว (Refuse derived fuel; RDF) และโรงไฟฟ้าที่ผลิตด้วยถ่านหิน โดยโครงสร้างราคาขายไฟฟ้าที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในเชื้อเพลิงแต่ละประเภทนั้นจะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน โดยแบ่งตามประเภทของลูกค้า
- TPIPP มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ประเภท Non-Firm โดยใช้เชื้อเพลิงขยะ และความร้อนจากโรงปูนในสัดส่วนไม่เกิน 25% ของการผลิตไฟฟ้า จำนวน 3 สัญญา มีปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญารวมเท่ากับ 163 เมกะวัตต์ (18+55+90) ซึ่งใน 3 สัญญานี้ บริษัทจะได้รับค่าไฟฟ้าเป็น ค่าไฟฟ้าฐาน+ค่าไฟฟ้าผันแปร (FT)+Adder (3.50 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี)
- TPIPP ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ TPIPL โดยใช้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหินและขยะ ได้รับค่าไฟฟ้าในอัตรา TOU (อัตราเดียวกับที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำหน่ายให้กับลูกค่าอุตสาหกรรม)
จุดเด่นของบริษัท
TPIPP เป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงขยะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของโรงไฟฟ้าประเภทเดียวกัน ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งในด้านการจัดการบริหารต้นทุนในเชิง Economy of Scale ทั้งด้านต้นทุนทางเชื้อเพลิง ประสิทธิภาพการผลิต รวมไปถึงการจัดการด้านบุคลากรเพื่อดูแลการผลิตไฟฟ้า นอกจากนั้น บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญ ด้วยอัตรารับซื้อ รวม Adder แล้ว มากถึง 6.50 บาท/หน่วย จึงทำให้บริษัทสามารถคืนทุนได้เร็ว รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าการโครงการประเภทอื่นด้วย
นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถระดมทุน IPO ได้ปริมาณมาก ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.11 เท่า ซึ่งเป็นโอกาสให้บริษัทยังสามารถขยายธุรกิจเพิ่มเติมได้ในอนาคต
ราคาปัจจุบัน
ปัจจุบันราคา TPIPP อยู่ที่ 6.00 บาท ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2561 (ซึ่งต่ำกว่าราคาจอง IPO ที่ 7.00 บาท) มี P/E ประมาณ 17 เท่า มี P/BV 2.04 เท่า ROE 11% และ D/E 0.11 เท่า
ความเสี่ยง
- การขยายตัวของธุรกิจในอนาคต: ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมที่จะสามารถสร้างรายได้ขนาด 440 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีความชัดเจนว่าปีหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มหรือขยายธุรกิจอย่างไร เนื่องจากนโยบายภาครัฐอาจจะไม่ได้สนับสนุนให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเหมือนแต่ก่อน เพราะปัจจุบันสถาณะการณ์ปริมาณไฟฟ้าสำรองของประเทศมีมากพอถึงอีก 5 ปีข้างหน้า
- Adder มีอายุเพียง 7 ปี: บริษัทได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้ขายไฟฟ้าโดยได้รับการสนับสนุนผ่านโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่มี Adder เป็นระยะเวลา 7 ปี ซึ่งหากครบ 7 ปี แล้ว จะทำให้รายได้ของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของบริษัทที่จะหารายได้ใหม่มาชดเชยส่วนที่หายไปนี้
- ความเชี่ยวชาญในธุรกิจเพียงด้านเดียว: เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจหลักที่ผลิตไฟฟ้าด้วยขยะ จึงทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญเพียงด้านเดียว ดังนั้นหากบริษัทต้องการขยายธุรกิจไปด้านพลังงานประเภทอื่น เช่น ลม หรือแสงแดด อาจจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้นเพราะต้องแข่งกับบริษัทเจ้าอื่นที่มีการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานเหล่านี้มาก่อนแล้ว -----------------------------------
บทความนี้ stock2morrow เจาะหุ้น TIPPP มาให้เพื่อนๆ สายนักลงทุนที่สนใจกลุ่มพลังงาน เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น เพื่อนๆ ต้องตัดสินใจและดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยนะ