นับเป็นความเจ็บปวดไม่น้อยสำหรับผู้ที่ถือหุ้น GPSC ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่าน โดยล่าสุด หุ้น GPSC ราคาปิดที่ 57.75 บาท/หุ้น (19 /10/ 61)  ลดลงจากวันก่อน 64.25 บาท/หุ้น หรือลดลงมากกว่า 10% ภายในวันเดียว! ราคาล่าสุดอยู่ที่ 54 บาท (24/10/61) 

หลังจากที่บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้ประกาศยื่น “อุทธรณ์” คำสั่งของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เหตุที่ระงับการขอซื้อกิจการของ GLOW จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากฝรั่งเศษคือบริษัท Engie Global Development B.V. หรือกลุ่ม ENGIE ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 1.4 แสนล้านบาท ถึงแม้ว่า นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่า การยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวอาจจะไม่มีผลมากนัก

ความเป็นมาของ Deal ในครั้งนี้

GPSC ได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ให้เข้าซื้อกิจการ GLOW จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมคือกลุ่ม ENGIE ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติจากฝรั่งเศษ ด้วยมูลค่าที่มากถึง 1.4 แสนล้านบาท โดยเป็นการซื้อทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ เป็นการจ่ายเงินสดด้วยราคา 96.50 บาท/หุ้น รวมมูลค่า 0.98 แสนล้านบาท และที่เหลือเป็นการซื้อขายแบบ Tender Offer ด้วยราคา 96.50 บาท หาก Deal นี้ประสบความสำเร็จ จะทำให้ Deal มีมูลค่าติดอันดับต้นๆ ที่มีการซื้อขายในประเทศ  (ใหญ่จนขนาดที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เพราะคาดว่าหาก Deal นี้สำเร็จ จะมีการโยกเงินไปมาระหว่างประเทศด้วยมูลค่ามหาศาล)

เหตุใด GPSC ถึงสนใจการซื้อกิจการ GLOW

เป็นที่ทราบกันดีว่า GPSC เป็นบริษัทหลานกลายๆ ของ PTT ซึ่งมี PTTGC เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมีธุรกิจหลักคือการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งได้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเกือบ 2,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ GLOW เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำเป็นระยะเวลายาวนาน โดยมีลูกค้าสำคัญเช่นเดียวกันคือ กฟผ. และลูกค้าในนิคม โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเกือบ 5,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้ง GPSC และ GLOW ประกอบธุรกิจที่มีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้น หาก GPSC สามารถเข้าซื้อกิจการของ GLOW ได้ จะทำให้ GPSC ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของประเทศ เทียบเท่ากับกลุ่ม GULF หรือ BGRIM ได้ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมถึง 7,000 เมกะวัตต์

อุปสรรคการซื้อขายเริ่มมีมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากมีการประกาศการเข้าซื้อกิจการ GLOW ของ GPSC จากกลุ่ม ENGIE ดังกล่าว ทำให้มีกระแสต่อต้านเป็นพักๆ เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ GLOW ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า การเข้าซื้อกิจการ GLOW ของ GPSC จะทำให้เกิดการผูกขาดการซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรม และอาจส่งผลกระทบต่อ SCC ด้วย เนื่องจาก PTT ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ SCC ได้ให้บริษัทหลานอย่าง GPSC เข้าซื้อกิจการ จนอาจทำให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่าง GLOW (หลัง GPSC เข้าซื้อกิจการแล้ว) กับ SCC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนั้น ยังมีความเห็นในทิศทางเดียวกันของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้มีหนังสือถึง กกพ. แสดงความเห็นการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ที่น่าสนใจ สรุปได้ดังนี้

1. การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้ PTT ซึ่งถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมของ GPSC โดยรวมมากถึงกว่า 70% เป็นผู้ค้าแบบผูกขาดในด้านพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ
2. อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราที่ 75 ที่ไม่ให้ภาครัฐทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชน ยกเว้นกรณีจำเป็น โดย PTT ซึ่งรัฐถือหุ้นมากกว่า 50% จะมาแข่งขันในธุรกิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
3. Deal ดังกล่าว มีมูลค่ามากถึง 1.4 แสนล้านบาท ในขณะที่ GPSC มีเงินสดอยู่เพียง 4.8 พันล้านบาท ดังนั้น จะทำให้ GPSC อาจจะต้องกู้ยืมจาก PTT หรือ PTTGC เพื่อเข้าซื้อกิจการ จนจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัท อาจสูงขึ้นกว่า 5 เท่าได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัท ต้องแบกรับภาระต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นมาก และมีความเสี่ยงต่อการชำระหนี้ได้

โดยสรุปแล้ว

นับเป็น Deal ที่สำคัญ ที่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นของ GPSC ในฐานะ Bidder และ GLOW ในฐานะ Offer รวมถึงผู้ที่มีส่วนได้เสียและเกี่ยวข้องอื่นๆ ให้ความสนใจไม่น้อย เพราะหาก Deal นี้เกิดขึ้นได้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการพลังงานไทย อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นความท้าทายสำหรับ GPSC ที่ต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะการประกาศของ กกพ. ที่ไม่อนุญาตให้ GPSC เข้าซื้อ GLOW ได้ แม้ว่าบริษัทยังอุทธรณ์ ซึ่งคงต้องรอผลการพิจารณาอีกครั้งว่า เป็นอย่างไร ติดตามกันต่อไป... 

---------------------------------

stock2morrow ยกเคสไว้เป็นกรณีศึกษาของการลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระยะๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นมุมมองความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำหรือมีเจตนาให้ซื้อหรือขาย นักลงทุนต้องกลับไปทำการบ้านกันต่อไป...