#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

== หุ้น TOA ต้องเติบโตที่ต่างประเทศ ==

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
557 views

เริ่มต้นจากเงินทุน 120,000 บาท ที่เตี่ยกับแม่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานอย่างหนัก มาเซ้งห้องแถวเปิดร้าน “ง้วนไทเส็ง” ขายสีและน้ำมันทาไม้ตราปลาฉลาม ขี่จักรยานทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ายันค่ำขายของได้เงินหลักร้อย จนวันนี้ถ้ารวมทุกบริษัทของตระกูล “ตั้งคารวคุณ” ก็คงไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท
.
ปี 2507 คือจุดเริ่มต้นในการนำเข้าสีทาอาคารจากประเทศญี่ปุ่นยี่ห้อ “โตอะ” (แปลว่า เอเชียตะวันออก) ก่อนที่จะกลายมาเป็น TOA ในทุกวันนี้ ความสำเร็จของ TOA ไม่ได้เริ่มมาจากนวัตกรรม แต่เริ่มด้วยการใช้ “ใจ” ในการขาย เพราะทุกครั้งที่เข้าไปร้านลูกค้าไม่ได้พกแค่สีไปขาย แต่เตรียมทั้งผ้า ไม้กวาด และที่โกยผง เพื่อไปเช็ดทำความสะอาด ติดฉลากและจัดเรียงสินค้าให้สวยงาม สร้างสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของร้าน แบบที่คนจีนเรียกว่า “ก๋ำเช้ง” และใช้เป็นกลยุทธ์ในการกำหัวใจลูกค้าตลอดมา



** ธุรกิจของ TOA ในวันนี้ **
.
• 69% ของรายได้เป็นสีทาอาคารซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาด 49% เรียกว่าเป็นผู้นำเด็ดขาด อีก 28% เป็นผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวซึ่งตลาดนี้ TOA เป็นเบอร์สองด้วยส่วนแบ่งประมาณ 20%
• 87% ขายในประเทศ 13% ต่างประเทศ (หลัก ๆ มาจากเวียดนาม คือ 7%)
• 71% ขายผ่านร้านค้าปลีกดั้งเดิม (ตึกแถว) 17% เป็น Modern Trade (Home Pro, Global)

Key Success ของ TOA มีด้วยกัน 3 ข้อ คือ 
.
1) นวัตกรรม ที่ไล่เรียงมาตั้งแต่ สีไม่มีสารปรอทและตะกั่ว สีเขียนได้ลบได้ สืทนได้ (4 Seasons) จนมาถึงสีสารพัดกัน (ที่บอกว่ากันได้ทุกอย่าง แต่ไม่แน่ใจว่ากันติดดอยได้มั้ยนะครับ) 
.
2) จำนวนร้านค้า ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด 790 อำเภอ ด้วยจำนวนร้านที่มากกว่า 6,200 ร้านค้า คือ เรียกได้ว่าไปไหนก็เจอ และ TOA เองลงทุนกับป้ายโฆษณาจำนวนมาก เพื่อให้คนที่ขับรถผ่านไปมาเห็นโลโก้ของแบรนด์อยู่ตลอด
.
3) จุดที่ทำให้ TOA ชนะขาดคือ “เครื่องผสมสี” เพราะแต่เดิมร้านค้าต้องสต็อคสีเป็นร้อยเป็นพัน ให้ลูกค้าเลือก ทำให้ต้นทุนจมเป็นล้านบาท แต่วันนี้ร้านค้าเก็บแค่สีขาวไม่กี่สี ตันทุนเหลือหลักแสน มีแค็ตตาล็อกให้ลูกค้าเลือกว่าต้องการสีอะไร เสร็จแล้วเข้าเครื่องผสมสีขาวที่เป็นเบสกับผงสีเข้าด้วยกันออกมาเป็นสีที่ต้องการ โดยเครื่องนี้ TOA ขายขาดประมาณ 8 แสนบาทต่อเครื่อง และปัจจุบันมี 6,310 เครื่อง (ในประเทศ 4,315 ต่างประเทศ 1,995) เพิ่มทุกปีประมาณปีละ 300 เครื่อง ต้องบอกแบบนี้ว่าการที่ TOA มีร้านค้าเยอะ พอมีเครื่องผสมสีเข้าไปเลยทำให้ชนะขาด
..
==============================
.
** ผลประกอบการของ TOA **
.
ปี 2558 ยอดขาย 16,753 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,117 ล้านบาท (GPM 35.7%, NPM 12.4%)
ปี 2559 ยอดขาย 16,297 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,507 ล้านบาท (GPM 38.1%, NPM 15.2%)
ปี 2560 ยอดขาย 15,718 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,703 ล้านบาท (GPM 34.1%, NPM 10.8%)
1H2560 ยอดขาย 7,718 ล้านบาท กำไรสุทธิ 895 ล้านบาท (GPM 35%, NPM 11.5%)
1H2561 ยอดขาย 8,056 ล้านบาท กำไรสุทธิ 971 ล้านบาท (GPM 34.9%, NPM 12%)


ยอดขายลดลงมาทุกปี เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจและตลาดสีในประเทศที่ไม่โตมาก เพิ่งจะกลับมาบวกแบบอ่อน ๆ ในปีนี้ 4-5% เพราะมีการปรับราคาขายขึ้นเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นการปรับชดเชยต้นทุนสีที่ขึ้น ปัจจัยที่มีผลต่อต้นทุนขึ้นอยู่กับ 3 เรื่อง คือ
.
1) Titanium Dioxide (TiO2) เป็นวัตถุดิบหลักของสีที่มีคุณสมบัติปกปิดรอยร้าว ทนต่อสภาพความเป็นกรด-ด่าง ทนต่อแสง และความร้อนได้ดี แต่ปีที่ผ่านมาราคาขึ้นไปสูงมากเป็นประวัติการณ์ สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการปิดโรงงานในจีนเรื่องปัญหามลพิษ ทำให้ supply ขาดแคลน
.
2) ราคาน้ำมัน ยิ่งน้ำมันแพง ยิ่งไม่ดี เพราะวัตถุดิบหลายตัวราคาอิงกับน้ำมัน และเป็นเชื้อเพลิงในการขนส่งด้วย 
.
3) ค่าเงินบาท ยิ่งแข็งยิ่งดี เพราะส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
..
TOA เองก็คงเริ่มเห็นถึงปัญหาตรงจุดนี้เลยพยายามไปบุกต่างประเทศมากขึ้น โดยการเข้าตลาดหลักทรัพย์ระดมทุนไปสร้างโรงงานที่ต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง
.
• อินโดนีเซีย กำลังการผลิต 7.8 ล้านแกลลอนต่อปี ลงทุน 670 ล้านบาท เสร็จ Q4’61
• พม่า กำลังการผลิต 3.4 ล้านแกลลอนต่อปี ลงทุน 312 ล้านบาท เสร็จ Q1’62 (ย้ายโรงงานจากย่างกุ้งไปติลาวา)
• กัมพูชา กำลังการผลิต 3.3 ล้านแกลลอนต่อปี ลงทุน 254 ล้านบาท เสร็จ Q1’62
.. 
รวมการลงทุน 1,236 ล้านบาท ได้ Capacity เพิ่มมา 16.5% รวมทั้งหมดเป็น 102.5 ล้านแกลลอนต่อปี สาเหตุที่ไปตั้งโรงงานเพราะคุ้มกว่าทั้งในเรื่องการผลิตและขนส่ง (ตัวสีและกระป๋องหนัก ส่งไปจากไทยแพง แข่งขันไม่ได้) แต่กว่าจะเข้าที่เข้าทาง รันเครื่องให้คุ้มให้ได้ Economy of Scale ก็คงต้องใช้เวลา 
.
แต่กลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจคือ เริ่มมีการให้เครื่องผสมสีกับร้านค้าไปใช้ ซึ่งน่าจะเป็นตัวดึงดูดที่ดีถ้าร้านติดใจเห็นว่าใช้ดี ก็น่าจะเป็นตัวช่วยสร้างการเติบโตได้ (แต่เข้าใจว่า เครื่องผสมสีก็ไม่ใช่ว่าจะทำตามกันไม่ได้ เพราะต้นตำรับก็มาจากทางยุโรป)

===================================
.
** ราคาหุ้น TOA สีสันสดใสแค่ไหน**
.
เข้าตลาดมา 1 ปี พอดี ด้วยราคา IPO 24 บาท ขึ้นไปทำ high 43 บาท เดือนมิถุนายน และตอนนี้อยู่แถว ๆ 36.50 บาท ด้วย market cap ใหญ่มากถึง 74,000 ล้านบาท แต่ P/E ก็ไม่ถูกคือ 41 เท่า
.
อัตราส่วนการเงินถือว่าดีเลยนะ CR 2.3 D/E 0.6 Cash ROE 31 Cash Cycle 19 วัน (จ่ายหนี้ได้ช้าเพราะเป็นเบอร์ 1 และไม่ต้องสต็อคสีเยอะ) บวกกับมีเงินสดและเงินเก็บไว้ในรูปของเงินลงทุนเพื่อค้าอีกเกือบ 6,500 ล้านบาท

โดยสรุป TOA ต้องหาทางให้คนทาสีได้บ่อยขึ้นหรือซื้อสีพรีเมี่ยมราคาแพงมากขึ้น และรีบขยายฐานในต่างประเทศให้เร็ว บวกกับลุ้นเรื่องต้นทุนสินค้าอย่าให้แพงไปกว่านี้ กำไรถึงจะเติบโตได้อย่างมั่งคง
..
สุดท้าย สิ่งที่ผมเห็นว่าน่าชื่นชมสำหรับ TOA คือ การบริจาคเงินช่วยเหลือสังคมอยู่เป็นประจำทุกเดือนโดยเฉพาะในเรื่องการศึกษา ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว ถึงขนาดตั้งเป็นมูลนิธิลี้กิมเกียวขึ้นมาเลย ซึ่งคงเป็นเพราะคำสอนของแม่ที่บอกว่า “จะเป็นคนที่เจริญได้ ต้อง ขยัน ประหยัด อดทน รู้จักแบ่งปันให้คนอื่น และตอบแทนคุณแผ่นดิน”

#TOA #สีทนได้ติดดอยก็ต้องทนให้ได้ #วิตามินหุ้น

-----------------------------------------------------------------

stock2morrow ขออนุญาตแนะนำนักลงทุนหุ้น ที่สนใจแนวปัจจัยพื้นฐาน แนวหาหุ้นเติบโต กับหลักสูตรใหม่ล่าสุด ร่วมกับเพจ stock vitamin ร่วมเจาะหาหุ้นขนาดยังไม่ใหญ่ ที่มีโอกาสเติบโตได้กับ...

หลักสูตรใหม่ล่าสุด
The VI Shortcut : ทางลัดนักลงทุนหาหุ้นเติบโต

เหมาะสำหรับ : นักลงทุนมือใหม่ 1-2 ปี ชอบการวิเคราะห์แนวพื้นฐาน

สอนโดย คุณจิม ศรุติ โชติเสรีวิทย์ จากนักกลยุทธ์การตลาดสู่นักลงทุน

เจ้าของเพจ Stock Vitamins - วิตามินหุ้น


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง