ตลาดหุ้นไทยกลับมายืนที่ 1,750จุด
ตลาดหุ้นไทยหรือ SET ปัจจุบันหุ้นไทยซื้อขายกันที่ P/E เฉลี่ยที่ 17.33 เท่า และ P/BV เฉลี่ยที่ 2 เท่า ในขณะที่เงินปันผลเฉลี่ยต่อปี 2.87% มีปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นไทย ทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ ดูเหมือนปัจจัยในประเทศมีทิศทางบวกต่อหุ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยต่างประเทศ ที่มากดดันตลาดได้อยู่ เราเลยสรุป 5 ปัจจัยสำคัญ ที่นักลงทุนควรติดตามให้อ่านกัน
> การประชุมธนาคารกลางของสหรัฐ หรือ FED ไม่ได้เหนือคาดหมายของตลาด
การประชุม FED ครั้งล่าสุด เป็นไปตามคาดของตลาด โดย FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ส่งผลให้เงินดอลล่าสหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น เหตุผลหลักเนื่องจาก ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งล่าสุดได้ประกาศ GDP ไตรมาศ 2 ขยายตัวได้ถึง 4.2% โดยเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามตัวเลขจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากผลกระทบของพายุเฮอริเคน
> กนง. มีมติให้คงดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยไม่ได้ปรับขึ้นตาม FED
หลังจากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED อีก 0.25% แล้ว กนง. ได้ประชุมและมีมติยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 1.50% โดยยังคงมั่นใจในเศรษฐกิจ และการควบคุมสินเชื่อทั้งระบบของ ธปท. อีกทั้ง ยังคงรอความชัดเจนเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการประชุม เพื่อพิจารณาการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
> เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้า
จากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ FED ส่งผลให้ค่าเงินส่วนใหญ่ทั่วโลกอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าสหรัฐ รวมถึงค่าเงินบาทไทย โดยล่าสุดค่าเงินบาทเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ระดับ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าเช่น CPF GFPT HANA SVI KCE DELTA
> สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก
ตั้งแต่ ปธน.ทรัมป์ ได้รับตำแหน่ง ได้มีนโยบาย America First ทำให้มีนโยบายการขึ้นกำแพงภาษีกับประเทศต่างๆ เพื่อลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้า จีนซึ่งเป็นประเทศหนี่งที่มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันกับสหรัฐด้วยมูลค่ามหาศาล หากสงครามการค้ายังไม่ชัดเจน จะยังสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขายังคาดหวังว่า สงครามการค้าดังกล่าวอาจจะยืดเยื้อจนกว่าจะมีการประชุมเพื่อเจรจาหาข้อยุติ เพื่อให้เป็นบรรลุวัตถุประสงค์ของทั้งสองประเทศ
> กกต. ส่งสัญญาณความชัดเจนมากขึ้นสำหรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
จบไปแล้วสำหรับการประชุมระหว่าง กกต. กับพรรคการเมืองจำนวน 59 พรรค เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยพรรคการเมืองต่างๆ ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก โดยกิจกรรมดังกล่าว ได้มีการถกกันในหลายประเด็น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า การนัดประชุมดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดการ อีกทั้ง เพื่อคลายข้อสงสัยที่มีของผู้สมัครรับเลือกตั้งก่อนที่จะลงศึกแย่งชิงที่นั่งในสภา นอกจากนั้น ที่ฮือฮากันไม่น้อยสำหรับการประกาศของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ที่สนใจลงเล่นการเมืองในครั้งนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการเปิดเผยพรรคที่ท่านสนใจเข้าร่วม ซึ่งคงต้องมีการติดตามกันต่อไป