หลายครั้งที่ผมเดินเล่นในห้าง
ผ่านร้านบางร้านที่ "เคย" โด่งดังในอดีต
เห็น "สินค้า" บางชิ้นที่เคยฮิตเมื่อวันวาน
วันนี้ช่างดูเงียบเหงาเหลือเกิน
สิ่งที่ผมได้เป็นบทเรียนก็คือ
หนึ่ง ชื่อเสียงมีขึ้น ย่อมมีลง
ใด ๆ ล้วนอนิจจัง ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ค้างฟ้า
รองเท้าสุดฮิต ใส่กันทั้งเมือง วันนี้คืออัลไล? ลืมหมดแล้ว
เสื้อผ้าใส่แล้วโคตรเท่ วันนี้ลองเอามาใส่สิ ร้องไห้หนักมากแน่ ๆ
ร้านอาหาร โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอีกมากมาย
ที่ถูกหลงลืมไปในที่สุด
สอง "การปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง"
เป็นสิ่งที่ยักษ์ใหญ่แค่ไหนก็ต้องไม่ลืม
เพราะถ้าไม่เปลี่ยน โลกจะบังคับให้เราต้องเปลี่ยนในที่สุด
และยิ่งเปลี่ยนช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น
เพราะเราจะตกขบวน รั้งท้ายจนโลกลืม
ไม่เพียงแค่ธุรกิจใหญ่โต แต่ผมคิดว่าเราเอามาปรับใช้กับตัวเราได้
ไม่ว่าเราจะทำแค่ธุรกิจเล็ก ๆ หรือเป็นพนักงานบริษัท
โดยถามคำถามสำคัญ 2 คำถาม คือ
หนึ่ง เราอยู่ในจุดไหนของชีวิต?
สูงสุด ต่ำสุด หรือราบเรียบมาโดยตลอด
ถ้าชีวิตต่ำสุด จะแก้ไขอย่างไร
ถ้าชีวิตราบเรียบ จะเพิ่มสีสันอะไรบ้าง
ถ้าชีวิตสูงสุด เราจะแตกหน่อต่อยอดอะไรได้อีก
สอง เราจะปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงอย่างไร?
ไม่มีอะไรแน่นอนเท่ากับความไม่แน่นอน
ผมเคยตกงานฉับพลัน ผมรู้ดี
ใครที่ไม่ปรับตัว รอดยาก
ความหยิ่งทะนงว่าฉันคือที่ 1 ตลอดกาล
คือยาพิษที่จะฆ่าเราให้ตายทีละน้อย
ตลอดชีวิต ผมเห็นยักษ์ล้มมาไม่น้อย
เราอยู่ในจุดไหนของชีวิต?
เราจะเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
ผมว่าคำถามนี้น่าสนใจ
และสิ่งสุดท้ายที่ผมได้จากการเดินห้าง
เป็นไอเดียผมคิดว่าสำคัญมาก
นั่นคือ
ถ้าเราไม่ใช่ "แฟชั่น" มาแล้วก็ไป
แต่เป็น "ของจริง" แบบนี้จะอยู่นานและคงทนกว่า
"ของจริง" หรือ "แฟชั่น"
ลองถามตัวเองดูสิครับ
ว่าคุณน่ะแบบไหน?