การลงทุนในหุ้นควรต้องคาดหวัง "การเติบโต" ของผลตอบแทนในอนาคต หรือพูดภาษาบ้านๆคือ ต้อง “กำไรโต”
ด้วยความที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นในระยะยาวๆ อยู่ที่ประมาณ 10-12% หากมีฝีมือเท่าๆ SET และน่าจะได้
ซัก 15-20% สำหรับกลุ่ม Outstanding และถ้าได้ 22% ก็ระดับบัฟเฟต 29.2% ก็คือระดับปีเตอร์ ลินช์ ซึ่งทำได้เฉลี่ย
นานเกินทศวรรษ
นักลงทุนในหุ้นจึงควรมองให้เหมือน นักธุรกิจ ที่ต้องมองอนาคตและจะเยี่ยมมาก ถ้าลงทุนตอนที่ ”ราคาไม่แพง”
ช่วงนี้ ผมดูข่าวด้วยใจระทึก เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า หุ้นที่เกี่ยวโยงกับนโยบายภาครัฐ หรือ เสถียรภาพทางการเมือง
จะโดนผลกระทบเต็มๆ อย่าง หุ้นรับเหมา หุ้นนิคมอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่พวกบริโภคในประเทศ อย่าง หุ้นลิส
ซิ่ง(รถ มอไซค์ เคื่องใช้ไฟฟ้า)
อันที่จริง หุ้นหลายตัว ก็ได้ซึมซับเอาความเลวร้ายไว้มากมาย ตั้งแต่ ไตรมาส 3 ราคาเจริญฮวบๆ เพราะกำไรใน
อนาคตดูไม่ดี กำไรไม่โต...ถดถอย ราคาหุ้นบางตัวลงเกินครึ่ง!!!
แม้หุ้นพวกนี้ จะควรหลีกเลี่ยง และมีความอ่อนไหวกับปัจจัยทางการเมืองมาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ความรุ่งเรืองมีจุดสิ้นสุด
ความตกต่ำดำดิ่งก็มีจุดสิ้นสุดเหมือนกัน
"เมื่อมืดจนถึงที่สุด.. แล้วมันก็จะเริ่มสว่าง" ว่าแต่ ตอนนี้มันห้าทุ่ม หรือตีห้า
ใครเล่า...จะรู้