คำถามสุดคลาสสิค คำถามหนึ่งคือ จะเทรดTime Frame ไหนดี Time Frame ไหนเหมาะสม ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ตอบว่า Time Frame ที่มันเหมาะกับเราไงล่ะ ตอบปุ๊บไม่วายต้องมีคำถามต่อมาว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า Time Frame ไหนเหมาะกับเรา
คำถามประเภทเดียวกันนี้ที่ผมมักจะถูกถามบ่อย ก็ประมาณว่า หนูทำงานประจำ (แอบ)เล่นหุ้นบ้าง แต่เวลาซื้อแล้วติดประชุม ออกมาขายไม่ทัน ทำยังไงดีคะ?
กับคำถามนีั ผมมักยกตัวอย่างน้องเมยาบิ เธอเป็นมนุษย์เงินเดือนสาวสวยสุดเซ็กซี่(ตามเธอว่าไว้) คนหนึ่งครับ ในยามที่ว่างจากงานหลักเมยาบิก็จะมาสิงอยู่ในห้อง Line กับพวกเราที่ส่วนใหญ่จะเป็นฟูลไทม์เทรดเดอร์ หรือเทรดใกล้ชิดติดจอนั่นเอง
ซึ่งแน่นอน คนมีเวลาเฝ้าจอ กับคนไม่ได้เฝ้าจอ การเทรดมันต่างกันอยู่แล้ว คนเฝ้าจอบางทีเทรดโดยเข้าและออกหุ้นภายในเวลาเพียง 3-5 นาทีก็มี แล้วลองนึกภาพตามนะครับ ขณะที่เพื่อนๆ ฟูลไทม์ขานชื่อหุ้นที่ทำท่าจะวิ่งขึ้นมา เมยาบิคนสวยเธอกำลังว่างก็เปิดกราฟหุ้นตาม และเห็นพ้องต้องกันกับเพื่อนๆ ว่า มันสวยอ่ะ!! ซื้อสิคะ
แต่ทันใดที่ออร์เดอร์เธอแมทช์ เหมือนเป็นคำสาป เธอมักจะมีอันต้องถูกเรียกประชุม รับโทรศัพท์ หรือต้องผละจากหุ้น ไปทำงาน ลองนึกดูครับ ว่าเมื่อเธอประชุมเสร็จจะเกิดอะไรขึ้น หุหุ ไม่ผิดกับที่คุณนึกไว้ครับ ขณะที่เพื่อนเขาออกไปกันเรียบแล้วเมยาบยังคงมีของและยังไม่ได้ออก แล้วนึกต่อสิครับ ราคาเป็นยังไง แดงสิครับ
ดังนั้นจะเห็นว่า ถ้าชิวิตของคุณไม่สามารถดูกราฟได้บ่อยๆ ไม่สามารถเฝ้าจอได้ ก็คงต้องเลือกเล่นหุ้นใน Timeframe ที่คุณสามารถจะดูแลได้ สำหรับน้องเมยาบิ สุดท้ายเธอสามารถค้นพบ Timeframe และวิธีที่เหมาะกับเธอได้ และเทรดอย่างมีความสุขจากนั้นสืบมา
เรามาสรุปกันนิดนึงครับ ผมให้แนวคิด Two times per period ไว้ครับ หลักๆ คือ เทรด Time frame ไหน คุณต้องมีเวลามาดูแลมัน สองครั้งต่อ Period เช่น ถ้าคุณสามารถดูกราฟ ได้วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ก็ใช้ Timeframe Day ในการเทรด ถ้าดูได้ชั่วโมงละ 2 ครั้ง ก็ใช้ Timeframe 60 นาที แต่ถ้าอยากจะเป็นขาซิ่ง เล่น Timeframe เล็กกว่านั้น คงต้องนั่งเฝ้าหน้าจอแล้วละครับ ส่วนคนเล่นหุ้นระยะยาว ก็ดูกราฟ Timeframe week ตอนต้นสัปดาห์ และปลายสัปดาห์พอครับ
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรจะต้องเลือก Timeframe ที่จะเทรด ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของเรา ในช่วงเวลานั้นๆ ครับ ส่วนตัวผมเองถ้าอยู่หน้าจอได้ตลอดก็จะเล่นเร็วอาศัยเทรนด์ใน Timeframe เล็กๆ แต่ถ้ามีภารกิจต้องทำ ต้องออกไปข้างนอกบ่อยๆ ในช่วงที่งานเข้า ก็ต้องเลือก Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น
เสริมอีกนิดครับ คือการเลือกหุ้นที่จะเล่น ต้องเลือกให้ถูก เลือกหุ้นที่ไม่หวือหวามาก หุ้นตามกระแสประเภทเข้าเร็วออกเร็ว ต้องหนีให้ห่าง เพราะหุ้นพวกนี้ ลุกช้าจ่ายรอบวง ขายไม่ทันคือขาดทุน สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้และยอมแลกกับการติดดอย ไม่ดีแน่ๆ ครับ เทรดหุ้น ต้องมีความสุข มีหุ้นแล้วกระวนกระวาย นั่งไม่ติด ประชุมไม่ได้ คุยงานก็ห่วงแบบนี้ คงต้องพิจารณาแล้ว ว่าเราจะปรับยังไง ปรับได้ก็เจอความพอดี ปรับไม่ได้ก็อาจต้องรับความเสียหายกันไปครับ