ดัชนีหุ้นไทย SET สามารถปิดตลาดเหนือแนวรับที่สำคัญที่ 1,750 จุดได้ หลังจากที่ผันผวนหนักลงไปต่ำกว่า 1600 จุดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา (ล่าสุด ณ วันที่ 25 กันยายน 61) เปิดตลาดหุ้นช่วงเช้า SET กลับมาทดสอบที่ 1750 จุด อีกไม่กี่จุด 50 จุดเท่านั้น จะไปถึง 1800 จุด ที่นักลงทุนอยากเห็นอีกครั้ง จะกลับไปได้อีกหรือไม่ ลองดู 3 ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองกันเลย ประกอบด้วย
ช่วงนี้นักลงทุนคงยิ้มกันได้ไม่น้อยเนื่องจากตลาด SET สามารถบวกขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาโดยปิดตลาดสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญอย่าง 1,750 จุด ได้ โดยมีมูลค่าการซื้อขายอย่างคึกคักมากถึง 7-8 หมื่นล้านบาทต่อวัน
ที่สำคัญสิ่งที่สังเกตเห็นได้คือ นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายน้อยลงหลังจากที่ถล่มขายหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ในขณะที่นักลงทุนสถาบันมีการซื้ออย่างต่อเนื่อง หนุนให้ดัชนี SET สามารถบวกเพิ่มขึ้นด้วยความหวังที่ให้ดัชนีแตะ 1,800 จุดภายในปีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่สำคัญๆ ที่มีส่วนช่วยให้ตลาดบวกได้ ดังนี้
- ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐเริ่มลดน้อยลง: สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เป็นปัจจัยที่ทั่วโลกจับตามอง หลังจากนโยบายของ ปธน.ทรัมป์ ในการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าของจีนเข้าในสหรัฐเพื่อลดการขาดทุนดุลการค้าให้น้อยลง และสนับสนุนให้คนใช้สินค้าภายในประเทศตนเองมากขึ้น ขณะที่จีนจึงได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐเข้าประเทศตนเองด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามล่าสุด จีนได้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐเพียง 5-10 เปอเซนต์ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดการณ์ไว้ที่ 20 เปอเซนต์ อีกทั้ง การที่จีนมีแนวโน้มเจรจาร่วมกับสหรัฐเพื่อทางออกในเรื่องนี้ จึงทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และหวังให้ความตรึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศลดน้อยลง
- การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ :กนง. ได้มีการประชุมครั้งล่าสุดและประกาศให้ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มที่จะแข็งค่ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือ คณะกรรมการ กนง. มีมติ 5 ใน 7 คน ให้คงอัตราดอกเบี้ยอยู่ ในขณะที่คณะกรรมการอีก 2 ท่าน ให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.75% โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจไทยมีความต่อเนื่องและผ่อนคลายมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินที่น้อยลง จึงเห็นควรให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของระบบ จากการลงมติของคณะกรรมการ กนง. ครั้งดังกล่าว มีคณะกรรมการที่ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าครั้งที่แล้ว จากเดิมที่มีเพียงท่านเดียว (มติเดิม 6:1) จึงทำให้เห็นว่า แนวโน้มของการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจะมีมากขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งมีปัจจัยที่ต้องติดตามในการตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ กนง. คือ การประกาศอัตราเงินเฟ้อ
- ความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง: หลังจากที่ กกต. ประกาศความชัดเจนในการเลือกตั้งที่จะมีช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพื่อนำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย จึงทำให้เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามกรอบเวลาการทำงานเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งของ กกต. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่า กำหนดการเลือกตั้งจะไม่เลื่อนออกไปอีก
จากปัจจัยดังกล่าว ที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาให้อ่าน ล้วนแต่มีส่วนสำคัญทำให้ตลาดหุ้นไทย บวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฐานะนักลงทุนที่ดี ควรติดตามข้อมูลข่าวสาร เศรษฐกิจ เพื่อเป็นข้อมูลใช้ประกอบการตัดสินใจ และใช้เลือกจังหวะในการเข้าลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงตามที่ตั้งเป้าไว้ได้