กลับมาอีกครั้งกับหุ้น MALEE และการคาดหวังของนักลงทุนที่จะกลับมาเป็นหุ้น Turn Around แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะยากลำบากเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศผลประกอบการขาดทุนอีก 14.8 ล้านบาท จากกำไร 61.3 ล้านบาทเมื่อไตรมาสเดียวกันจากปีที่แล้ว เท่ากับว่ามีขาดทุนในงวด 6 เดือน เป็นจำนวน 5.4 ล้านบาท และบริษัทได้ประกาศงดจ่ายปันผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นักลงทุนตอบรับหุ้น MALEE ในเชิงลบ ทำให้ราคาหุ้นกลับไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 11.6 บาท ส่งผลให้ค่า P/E ที่ 38 เท่า และ P/BV ที่ 2.7 เท่า
สาเหตุหลักที่ทำให้ผลประกอบการ MALEE ยังไม่เป็นไปตามคาดเนื่องจากการร่วมทุนในช่วงที่ผ่านมายังไม่เห็นการเติบโต ต้นทุนค่าเสื่อมเครื่องจักรใหม่ที่พึ่งลงทุนไปได้ไม่นาน การแข่งขันในตลาดต่างประเทศที่มีความรุนแรง จากภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ที่ยังหดตัวต่อเนื่อง MALEE มีแผนออกสินค้านอกเหนือจากน้ำผลไม้มากขึ้นเพื่อเจาะตลาดสินค้าสุขภาพที่เป็นตลาด Mass ซึ่งจากภาพรวมทั้งหมดเชื่อว่ากำไรสุทธิจะเริ่มกลับมาเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 3/61
แต่เดิม ธุรกิจของ MALEE แบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม น้ำผลไม้และขนมหวานภายใต้แบรนด์ "มาลี" คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 53%
ธุรกิจรับจ้างผลิตที่เรียกว่า "CMG" (Contract Manufacturing Business) มีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 47%
MALEE พยายามที่จะหาการเติบโตด้วยการทำโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนต่างประเทศ และล่าสุด MALEE ก็หันมาทำตลาด Personal Care ครั้งแรก หวังกระจายรายได้จากธุรกิจน้ำผลไม้ที่ไม่ได้เติบโตมา 1-2 ปีแล้วโดยร่วมทุนกับอินโดนีเซีย แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. เครื่องบำรุงผิวหน้า
2. เครื่องบำรุงเส้นผม
3. ยาสีฟันสมุนไพร
โดยปกติธุรกิจ Personal Care คือของใช้ส่วนบุคคล มีมูลค่าตลาดประมาณ 1.54 แสนล้านบาท ถือว่าใหญ่มากในเอเชีย และ MALEE เองก็หวังจะเติบโตจากส่วนนี้
ปัจจุบัน MALEE มี อัตรากำไรสุทธิ -0.2% บ่งบอกว่าตลาดน้ำผลไม้ซึ่งเป็นรายได้หลักหดตัวค่อนข้างมาก และการลงทุนของ MALEE ก็ยังไม่เห็นผล คาดว่าการทำธุรกิจใหม่จะกลับมาดึง Net Margin ให้กลับมาดีขึ้นได้
แต่จากการฟัง Opp day ครั้งล่าสุดนั้นก็อยู่ในระดับที่ประทับใจผู้เขียนอยู่เหมือนกัน มีอะไรบ้างมาดูกัน
- การลงทุนที่เวียดนามเริ่มเห็นผล และปี 62 จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้แบบเต็มปี
- รายได้จากธุรกิจหลักชลอตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทยังปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติมด้วย
- ผลประกอบการปีนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะมีกำไรหรือไม่
- ตอนนี้บริษัทเน้นหนักในเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และผลักดันยอดขาย
- ปีหน้ามั่นใจว่าฟื้นตัวแน่นอน
- บริษัทเน้นเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เน้นตลาดคนรุ่นใหม่
== บทวิเคราะห์มองอย่างไร ==
บล.ทิสโก้ : MALEE แนะนำ "ถือ" เนื่องจากปัจจัยกดดันธุรกิจรอบด้าน
ถึงแม้ปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ดีของ MALEE แต่ปีหน้ากำไรจะเติบโตทีเด่นชัดเพราะฐานของปีนี้ต่ำ ราคาหุ้นก็สะท้อนผลประกอบการที่ไม่ดีไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิเคราะห์จะรอดูผลประกอบการฟื้นตัว ว่าจะเด่นชัดแค่ไหน
อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ขอเอาใจช่วยผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นที่ถือ MALEE ทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปให้ได้
ส่วนในเรื่องของราคาเป้าหมาย แต่ละค่ายให้แตกต่างกันไป แต่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 12.73 บาท เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องวางแผนกันต่อไป