#มือใหม่เริ่มลงทุน

"เพราะการลงทุน ทำให้ธุรกิจสนุกขึ้น" กับนักลงทุนสายเลือดเจ้าของธุรกิจ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
94 views

    มาถึง My Way My Investment NO.5 กันแล้วนะคะ สำหรับโปรเจกต์ดีๆที่ stock2morrow เริ่มต้นจากความตั้งใจ เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคนลงทุนได้” สำหรับ NO.5 เราพาเพื่อนๆไปรู้จักกับอาชีพนักธุรกิจอีกครั้ง เธอเป็นนักธุรกิจสาวที่เป็นที่รู้จัก ในนามเจ้าของแบรนด์ “SARNN” (สาน) ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวาย แบรนด์คนไทยที่ไปไกลถึง 11 ประเทศ กับ คุณหนึ่ง อนัญพร มงคล .. ถ้าเสริชกูเกิล หรือหา Content เกี่ยวกับเธอ แทบจะทั้งหมดเล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เธอเริ่มต้นอย่างไร? และผ่านอุปสรรคในการทำธุรกิจต่างๆได้อย่างไร? บทความนี้เราจะพูดในอีกมุมของคุณหนึ่งกัน เพราะนอกจากการเป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว อีกด้านเธอยังเป็นนักลงทุนไปพร้อมๆกับทำธุรกิจของเธอด้วย      

“เพราะการลงทุน ทำให้การทำธุรกิจสนุกขึ้น” คำพูดที่คุณหนึ่งบอกเล่ากับเราหลังจากเริ่มสัมภาษณ์มาซักระยะ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวายสานที่ทำแล้วได้กำไรที่แน่นอน เป็นคำถามที่ให้เราฉุกคิดว่าแล้วทำไมเธอยังต้องมาลงทุน มาเริ่มจากการทำความรู้จัก คุณหนึ่ง ให้มากขึ้นกันก่อนนะคะ..

 

ช่วยแนะนำตัวเอง เล่าถึงการเริ่มทำธุรกิจ..และไปเริ่มลงทุนได้อย่างไร?

ชื่อหนึ่ง อนัญพร มงคล นะคะ ปัจจุบันทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หวายสาน ทั้งหวายแท้หวายเทียม เฟอร์นิเจอร์สนาม เปิดบริษัทมาได้ประมาณ 6  ปีแล้วค่ะ ตัวเฟอร์นิเจอร์หวายเป็นงานที่ช่วยคุณคุณพ่อคุณแม่ทำตั้งแต่เด็กๆเลย หนึ่งใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปนะคะ เรียนจบทำงานประจำ ตอนนั้นเงินเดือนของหนึ่งเอง ต้องแบ่งให้คุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจด้วย ทำแบบนี้อยู่ 3 ปีก็แล้ว 5 ปี ก็แล้ว ยังไม่มีเงินเก็บ หนึ่งเลยคิดว่า ถ้าทำงานประจำต่อไป..แม้จะเป็นงานที่ดี หนึ่งก็จะไม่สามารถจะเปลี่ยนสถานะของเราได้ จุดที่จะทำให้เราเปลี่ยนได้ คือสถานะภาพทางการเงินทั้งของหนึ่งเองและครอบครัว ต้องกลับไปแก้ที่ปัญหา ซึ่งปัญหาก็คือ เงินหนึ่งจมไปกับการทำธุรกิจ แผนก็คือจะทำธุรกิจให้ดี ซึ่งถ้าจะเริ่มทำธุรกิจอะไรซักอย่าง ด้วยความหนึ่งโตมากับธุรกิจนี้ ถ้าจะเริ่มก็คิดว่าเรื่องนี้มันหมูสำหรับเรา (หัวเราะ) ก็เลยเริ่มที่ธุรกิจนี้ค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนึ่งกำลังเรียนบริหารธุรกิจระหว่างประเทศเพิ่มเติมด้วย เพื่อเปิดโลกทัศน์ของเรา ตอนแรกเราขายในประเทศ ไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้รู้ว่าการทำงานกับต่างประเทศเขามีช่องทางอย่างไร? ตอนนั้นคือเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ เพิ่งมีหน้าร้าน และเรียนปริญญาโทไปด้วย คล้ายกับว่าหนึ่งได้ฝึกงานกับที่บ้าน พอเรียนจบ หนึ่งมีเวลามากขึ้น โฟกัสกับร้านมากขึ้น มีองค์ความรู้ที่เรียนมา ทำให้ธุรกิจมันดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิมก็คือ ไม่มีเงินเก็บ เลยเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ศึกษาเรื่องการลงทุน โดยที่ไม่ได้มองว่าตัวเองต้องมีเงินก่อนถึงจะมาลงทุน คือทำก่อนเลยค่ะ เก็บก่อนจะใช้ เป็นคำง่ายมาก แต่พอที่จะทำมันจะรู้สึกว่า เงินมันน้อยทำไปจะเห็นผลหรอ เอามาหมุนใช้ในธุรกิจไม่ดีกว่าหรอ? ไม่คิดเหมือนกันว่าการเก็บแค่ 10 % จะเป็นจุดเริ่มต้นการลงทุนของหนึ่งได้




ตอนทำธุรกิจช่วงแรก หนึ่งไม่มีเงินทุนเลยค่ะ วิธีการคือซื้อมาขายไป Made to Order รับเงินมาก่อน แล้วสั่งผลิตสินค้าไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้หนึ่งค้นพบว่าความจริงแล้ว มันเป็นเงินหมุนตลอด คิดเลยนะคะ มันไม่มีเงินเก็บเลยหรอ เป็นเจ้าของกิจการเนี่ย! (หัวเราะ) เลยเริ่มคิดเป็นหลักการว่า เก็บก่อนใช้แค่ 10% คือไม่ได้มากแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ตอนแรกหนึ่งทำธุรกิจก็จะโฟกัสที่รายได้ แต่ตอนนี้หนึ่งโฟกัสที่ 10% อยากให้ 10% มันโตก็ต้องดึงศักยภาพตัวเองออกมา ทำยังไงจะขายได้เยอะขึ้น และเก็บ10%ให้ก่อนใหญ่ขึ้น ซึ่งพอมันได้มายาก เราก็ต้องอยากเก็บ 10% นี้อย่างปลอดภัย เริ่มต้นเลยหนึ่งลงในกองทุนเพราะมีผู้เชี่ยวชาญมาบริหารให้เรา ตอนนั้นคืออยากเริ่มลงทุน อยากรู้จักตลาดทุนด้วย ถ้าไม่เริ่มเราไม่รู้ อย่างกองทุนหุ้น ต้องสังเกตุความเคลื่อนไหว ตอนนี้ขึ้นหรือลง เรามีความสนใจด้านไหน? ก็ลงด้านนั้น ธุรกิจต่างประเทศใหญ่ๆของอเมริกา หรือ AEC มองแล้วว่ามันจะเติบโตก็ลงทุน ใช้เงิน 10 %เนี่ยแหละค่ะ ลงทุนในกองทุนนั้นๆก่อน จะได้ไม่เสี่ยงมาก

 

แล้วรู้จักการลงทุน..ทั้งแบบกองทุนหรือหุ้นได้อย่างไร?

ถ้าพูดคำว่า ..ลงทุน..หนึ่งมองว่าจริงๆการซื้อของมาแล้วขายไป ก็เป็นการลงทุนนะคะ อย่างหนึ่งซื้อของมาค้าขายก็เป็นการลงทุน เราเชี่ยวชาญในธุรกิจของเรา มองเห็นช่องทาง อยากเปิดไลน์สินค้าเพิ่ม เปิดตลาดเพิ่ม หนึ่งรู้ว่ามันทำได้ ซื้อของที่ไหนถูก เอาไปขายที่ไหนแพง แบบนี้ก็เป็นการลงทุนเหมือนกันค่ะ แล้วยังเอาทักษะที่เราเชี่ยวชาญและคุ้นชินมาใช้ในการลงทุนด้วย พอทำธุรกิจก็รู้จักคนเยอะ หลายคนที่อยู่ในวงการธุรกิจก็พูดถึง การลงทุนแบบกองทุน และหุ้นกันหมด ตอนนั้นทำธุรกิจก็เหนื่อย ก็คิดว่ามันจะสบาย (หัวเราะ) หนึ่งก็เลยไปเริ่มศึกษา ใช้10%เนี่ยแหละค่ะ เริ่มในกองทุนก่อน ศึกษาไปสักพักก็ไปเรียนเรื่องหุ้น เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะดี มันได้เยอะกว่า โชคดีที่ไปเจอผู้ใหญ่คนนึงในวงการ เขาก็พูดกับหนึ่งว่า เราอายุยังน้อยให้ศึกษาโดยที่ไม่คิดถึงเงินก่อนเพราะเรามีเงินน้อยแต่เราอยากได้มาก เราจะลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงมากมันไม่เป็นผลดี ต่อไปเราทำธุรกิจได้เยอะๆขึ้น เราสามารถเอาเงินเยอะๆตรงนั้นมาลงทุนในสิ่งที่เราศึกษามาแล้ว ซึ่งความเสี่ยงจะต่ำกว่า  ผลคือมันโอเคมากเพราะศึกษาก่อนแล้วลงทุนไม่เยอะ ก็เลยไม่เฟลล์มาก หนึ่งว่ามันเสียหลายอย่างนะคะ เวลาที่เรามีเงินน้อยแต่เอาไปเสี่ยงมากๆ ถ้ามันไม่ได้ ทั้งเสียเวลา เสียความมั่นใจอีก เสียเงินอีก แทนที่จะเอาไปทำธุรกิจที่เรามั่นใจว่ามันได้อยุ่แล้วแน่ๆ กลับเอาเงินไปเสียกับสิ่งที่ไม่รู้จักดีพอ ต้องจัดสรรและแบ่งสัดส่วนให้ดี เพราะทำธุรกิจก็ได้เงินค่อนข้างแน่นอนอยู่แล้ว คือมันแล้วแต่บุคคล แล้วแต่ความเชี่ยวชาญนะคะ บางคนเล่นหุ้นเก่งมาก อย่างเราเป็นเจ้าของกิจการไม่มีเวลามานั่งดูพอร์ต เพราะบางทีจังหวะซื้อดีแต่จังหวะขายไม่ดี แทนที่จะเป็นจังหวะได้ กลายเป็นจังหวะเสีย หุ้นมันไม่ได้ไว้ใจได้ขนาดนั้น พอเห็นว่าหุ้นมันมีความผันผวน เลยคิดว่าหนึ่งต้องหาหุ้นที่พื้นฐานดีปลอดภัย ออมในหุ้นมากกว่า ซึ่งมันเหมาะกับสไตล์ของหนึ่ง ทำให้สามารถเอาเวลาไปทำธุรกิจได้ด้วย หนึ่งแบ่ง10% สำหรับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน และ 90% สำหรับใช้จ่าย ลงทุนในธุรกิจ

 

ในเมื่อหุ้นมีความเสี่ยง แต่ธุรกิจได้เงินแน่นอนทำไมถึงมาลงทุน.. แล้วแบ่งเวลาอย่างไร?

ตอนที่เริ่มทำธุรกิจแรกๆหนึ่งให้เวลากับมันมากเลยค่ะ 1-2 ปีได้เลย เพราะต้องไปเรียนใหม่ทั้งการทำธุรกิจ การวางตัว พอมองกลับไปรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กเหมือนกันที่ต้องเริ่มเรียนใหม่ทั้งหมด แต่ก็เข้าใจได้ เพราะหนึ่งเป็นพนักงานประจำมาก่อน จะทำธุรกิจนี่มันต้องทำยังไง ต้องเริ่มยังไง ไม่มีคำตอบในหัวเลยนะคะ บุคลิกภาพก็ยังไม่ได้ หลายๆอย่าง ก็เลยทุ่มเทมากแต่พอตอนนี้ ทำได้แล้ว การเรียนรู้ของหนึ่งตอนนี้เป็นการเรียนรู้ แบบ On the Job Learning ค่ะ เช่นอยากรู้ว่าขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ทำอย่างไร ก็คือลองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ แล้วก็เรียนรู้ไปกับเขา หนังสือหรือยูทูปอะไรแบบนี้มีมันมีเยอะมาก หนึ่งว่าเราใช้เวลาเรียนเยอะตอนที่เราไม่มีพื้นฐาน แต่พอทำได้แล้วมันเป็นการเรียนจากการทำงาน เป็นการรับข้อมูลเพิ่มและนำปรับใช้ในงานของเรามันได้ประโยชน์มากกกว่า พอได้เป็นเจ้าของกิจการแล้วมาซักระยะ ก็จะรู้แล้วค่ะว่ามันยากที่จะขาดทุนนะคะ คนที่เป็นเจ้าของกิจการอื่นๆก็รู้ค่ะ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็เหมือนเราต้องดูแลกิจการเป็นหลัก ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เวลาทั้งหมดยกให้การทำธุรกิจ ซึ่งหนึ่งมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องนะ แต่เราไม่สามารถทำงานไปได้ตลอด และการลงทุนเป็นสิ่งเดียวที่จะให้เราเลิกทำงานได้ ที่เป็นแผนของหนึ่งเลย เช่น การลงทุนในอสังหาฯ เมื่อก่อนก็คือเช่าห้องเปิดร้านขายในห้าง รายจ่ายค่าเช่าเป็นเงินจำนวนเยอะเลย พอมาซื้อตึกทำออฟฟิส ทำหน้าร้านเหมือนเรามีความสุขในการที่จะผ่อนมากขึ้น เมื่อก่อนที่ต้องจ่ายค่าเช่าความรู้สึกคือต้องจ่าย เป็นรายจ่าย เอากำไรไปจ่ายทุกเดือน พอเปลี่ยนมาซื้ออสังหาฯปุ๊บ เป็นความรู้สึกในการผ่อน มันเป็นเหมือนเอากำไรมาจ่ายค่าเช่าให้ตัวเราเอง แล้วเราได้ด้วย อย่างอสังหาฯเอง มันมีเรื่องของมูลค่าที่ดินก็เพิ่มขึ้นด้วย มันเป็นความรู้สึกที่สบายใจมากในการลงทุน แล้วก็เรื่องต่อเติมเพราะมันเป็นของเรา จะแต่งอะไรก็ได้ ตอนเช่าร้านก็จะไม่ค่อยแต่งอะไร เลยคิดว่าการลงทุนในอสังหาฯ เป็นทางออกดีกับหนึ่งและธุรกิจของหนึ่งด้วย สามารถทำกิจการไปด้วยและลงทุนไปด้วยควบคู่กันไปโดยที่ไม่แย่งเวลาหนึ่งมาก และความเสี่ยงต่ำ

 

 

เคล็ดลับการเป็นเจ้าของกิจการ..และการลงทุน

เคล็ดลับของการเป็นเจ้าของกิจการ คือเราทำให้ดีที่สุดในจุดที่เรามี อย่างคนทั่วไปรวมหนึ่งในอดีตด้วยนะคะ เรามีอยู่เท่านี้ เราจะอยากทำอะไรมากขึ้นเราจะรู้สึกว่าเราขาด นู้นนี้ นั้นนี้ แต่ถ้ามองเป็นโจทย์ว่า จากทั้งหมดที่เรามีอยู่ตอนนี้ เราสามารถทำอะไรได้ดีขึ้นกว่าจุดนี้บ้างแล้วมันจะพาเราไปจุดต่อไปเอง โดยที่เราจะมีประสบการณ์และความมั่นคงมากขึ้นด้วย หนึ่งเคยทำกิจการที่เคยเอาเงินเป็นตัวตั้ง แต่กลับไม่ได้ผลรับดีเท่าตอนที่หนึ่งไม่มีเงินทำ อะไรก็ตามที่เราทำอยู่ตรงนั้น เป็นโจทย์ที่เราต้องข้ามไปได้อยู่แล้ว อยากให้ลงมือทำเลยคิดว่าเรามีอะไรตรงนี้ แล้วลงมือทำไปเลย ให้มันดีขึ้นเรื่อยๆไม่ต้องรอว่าต้องมีอะไรก่อน ถึงเริ่มทำได้ ..ส่วนการลงทุนไม่เหมือนกิจการ การลงทุนต้องมองให้เป็นระบบ  ตอนแรกหนึ่งมองมันเป็น Product เป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง แล้วทำให้มันเกิดความคิดที่ว่า ของชิ้นนี้มันต้องได้กำไร ของชิ้นนั้นมันต้องได้กำไร ซึ่งระบบมันทำตามทรัพยากรที่เรามี พอเรามีทรัพยากรน้อยมีเงินจำกัด จะลงทุนทุกอย่างแล้วหวังกำไรทุกตัวเหมือนขายของมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้มองเป็นระบบ อย่างที่หนึ่งเล่าให้ฟังว่า สมมุติเราลงทุนอะไรไปอย่างนึง มันต้องทำเราให้เรารู้สึกดีทั้งระบบตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างการเก็บเงิน 10% ทำให้โฟกัสเปลี่ยน ทำให้อยากขายมากขึ้น พอลงทุนในอสังหาฯ ก็มีร้านสวยๆ มีโชว์รูม มี Office ดีๆให้คนทำงาน ให้ลูกค้ามาดู สัดส่วนที่เราจะลงทุน มันขึ้นอยู่กับตัวเองมากว่าเราทำอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าคนทุกคนต้องลงทุนเหมือนกันหมด ไปฟังใครมาแล้วก็ทำตาม อยากให้ตั้งอยู่ในพื้นฐานที่ว่า เรามีอะไรอยู่ เราสามารถทำอะไร และลงทุนไปแล้วมันกลับมาเอื้อประโยชน์อะไรให้เรา ไม่ใช่ว่าลงทุนไปแล้ว อีกนานมากกว่าเอามาใช้ได้ อันนี้คือไม่ตอบโจทย์หนึ่งมากเพราะธุรกิจต้องมีเงินหมุน ก็ไม่ได้ใช้

 

อุปสรรคและจุดแข็งของการเป็นเจ้ากิจการ..ที่ต้องลงทุนไปพร้อมๆกัน

อุปสรรคของการเป็นเจ้ากิจการและต้องลงทุนด้วย ตอนแรกๆเราจะไม่มีการลงทุนในหัว คนที่เป็นเจ้าของกิจการ พอพูดคำว่าลงทุน ความรู้สึกมันคือต้องเป็นเงินก้อนใหญ่มาก ถึงเรียกว่าการลงทุน อย่างถ้าซื้อกองทุนหรือหุ้นนิดหน่อยเขาจะ “ไม่เรียกว่าเขาลงทุน เขาก็แค่เรียกว่าซื้อ” ถ้าจะลงทุนต้องเงินก้อนใหญ่ เป็น mindset ที่ทำให้เจ้าของกิจการ หรือแม้แต่คนทั่วไปเริ่มลงทุนไม่ได้ซักที คิดว่าต้องมีเงินเก็บขนาดนู้นขนาดนี้ถึงลงทุนได้  หนึ่งผ่านจุดนั้นมาได้เพราะการเก็บ 10% ของหนึ่ง เริ่มจากน้อยก่อน เดี๋ยวมันมาเองแบบเป็นกระพรวน อย่าสบประมาทเงินจำนวนน้อย สำหรับจุดแข็ง ..ถ้าเราไม่ใช่เจ้าของกิจการ เราไม่สามารถหาเงินได้ตลอดเวลา บางทีพนักงานประจำ ก็คือ 10 % ของเงินเดือน หรือไม่ก็ไปรับ Job ซึ่งมันก็จะเหนื่อยล้า แค่งานประจำก็เหนื่อยล้าแล้ว เพราะมันก็ 5 วันแล้วนะคะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ มันคือยิ่งทำมันยิ่งได้แล้วเราจะรู้สึกสนุกมาก ตอนที่หนึ่งเก็บ 10 % หนึ่งสนุกทุกครั้งที่ขายเพราะหนึ่งอยากให้ลูกค้า say yes! แล้วเอาเงิน 10 % มาใส่เพิ่มขึ้น พอหนึ่งมีเงินมากขึ้นจาก 10% นั้น หนึ่งก็เอาเงินมาทำร้าน ทำโชว์รูม มันเหมือนเกื้อหนุนกันไปได้เรื่อยๆ มันได้ประโยชน์และรู้สึกสนุกที่จะทำ เหมือนการลงทุน ทำให้การทำธุรกิจสนุกขึ้น ลงทุนเพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักคือการทำธุรกิจ

 


 

ฝากถึงคนที่ยังไม่เริ่มลงทุน

คือคนเราไม่สามารถทำงานไปได้ตลอด และทางเดียวที่จะเลิกทำงานได้คือการลงทุนอันนี้คือสิ่งที่หนึ่งมองในอนาคต ยังไงเราไม่มีทางที่จะวิ่งทำงานไปตลอด พอเริ่มหาเริ่มศึกษาการลงทุนแล้ว ก็ต้องอย่าไปคิดว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ใช้เงินเท่าที่เราจะสะสมได้เนี่ยแหละ ลงทุนก่อน ที่เคยได้ยินเขาพูดกันว่า คนมีเงินก็จะมีเงินไปเรื่อยๆ ให้เราเริ่มจากคนมีเงินน้อยก่อนก็ได้ (หัวเราะ) แต่เราต้องทำ เพื่อให้เกิดความรู้ โอกาส และมองเห็นภาพรวม แล้วเราจะทำได้เองค่ะ (ยิ้ม)..

เชื่อว่าอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้หญิงท่านนี้จบ เพื่อนๆต้องได้แง่คิดทั้งในเรื่องการลงทุนหุ้น และการทำธุรกิจแน่นอน อย่าลืมเอาไปปรับใช้ให้ตรงกับสไตล์ของตัวเพื่อนๆเอง อย่างที่คุณหนึ่งบอกนะคะ แล้วกลับมาติดตามกันต่อกับ  My Way My Investment NO.6 จะเป็นอาชีพไหน? ต้องขออุบไว้ก่อน แต่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้แน่ๆ...แล้วพบกันค่ะ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง