AH ชิ้นส่วนรถยนต์บนยุค 5G กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันแบบง่ายๆ
ลักษณะธุรกิจ
ออกแบบผลิตและติดตั้งอุปกรณ์จับยึดเพื่อประกอบรถยนต์ ออกแบบและผลิตอุปกรณ์แม่พิมพ์ปั๊มโลหะและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ชิ้นส่วนพื้นรถ เหล็กขวาง ตัวค้ำ ตัวยึด ถังน้ำมัน เป็นต้น และมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ และเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายระบบนำร่องการเดินทางและให้บริการด้านเทคโนโลยี
ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- AH มีรายได้กว่า 62% มาจากชิ้นส่วนรถยนต์ มาจากขายชิ้นส่วนโครงรถกระบะ 23% ชิ้นส่วนปั้มขึ้นรูป 12%
- AH ยังมีธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ในไทยและมาเลเซีย อย่างของไทยเป็นฟอร์ดและมิตซู ในมาเลเซียของฮอนด้า ตรงนี้คิดเป็นสัดส่วน 37% โดยมีมาเลเซียคิดเป็น 25% ในนั้น
- นักลงทุนต้องดูการผลิตรถยนต์ในประเทศ ที่ผ่านมาโตปีละ 4-5% แต่ช่วงปี 2557 นโยบายรถคันแรกเติบโตดีมาก แต่เป็นการดึงดีมานในอนาคตมา พอปี 58-59 ปริมาณการผลิตรถลดลงมาก ตอนนี้อยู่ในสภาวะปกติแล้ว
- การส่งออกรถเป็นอย่างไร ในปัจจุบันส่งออกปีละ 2 ล้านคัน
- รายได้จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ตรงนี้เป็นรายได้หลักซึ่งมีลูกค้าเป็น 3 เจ้าใหญ่ คือ อีซูซุ ฟอร์ด และนิสสัน ถ้าทั้ง 3 แบรนด์นี้มีการเปลี่ยนโมเดลรถใหม่ๆ จะทำให้ AH มีรายได้มั่นคงต่อไปอีก 3-4 ปี ถือว่ามีความเสถียรของรายได้มาก
- แต่เราต้องเข้าใจว่าอุตสาหกรรมรถ เป็นเรื่องของธุรกิจวัฐจักร ด้วยส่วนหนึ่ง บางปีขายดี บางปีขายไม่ดี
- AH มีบริษัทลูกเยอะ ทำให้กำไรจากเงินปันผลของบริษัทลูกคิดเป็น 50% ของกำไร ถือว่าสูงมาก
- นักลงทุนวิเคราะห์ Gross Margin เสร็จ อีกส่วนต้องวิเคราะห์ในเรื่องของเงินปันผลจากบริษัทลูกได้ ถ้าเราวิเคราะห์แต่ Net Margin อย่างเดียวอาจจะไม่สะท้อนถึงคุณภาพอย่างแท้จริง
- กำไรขั้นต้นของ AH อยู่ประมาณ 5-8% แต่ Utilization rate ของบริษัทอยู่ประมาณ 40% นั้นหมายถึงเขามีกำลังการผลิตที่จะผลิตเพิ่มได้อีก ถ้ามีออเดอร์มากขึ้น ตัวกำไรขั้นต้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
- เราต้องเข้าใจว่าเป็นธุรกิจวัฐจักร ปีที่ดีมี ROE สูงถึง 19%
- P/BV ประมาณ 1.58 เท่า จะดูว่าถูกหรือแพง ต้องมองคู่กับ ROE ถ้า ROE สูงตรงนี้ก็ไม่แพง แต่ถ้า ROE ต่ำ ตรงนี้ก็จะแพง
- รายได้จากมาเลเซีย เป็นดีลเลอร์ให้กับฮอนด้า คิดเป็น 25% ตรงนี้ถือเป็นช่องทางสำคัญ ทำให้กำไรดีขึ้น
- ตรงนี้มองว่าราคาหุ้นยุติธรรม Fair Price
- เรื่องของวงจรเงินสด กระแสเงินสด ก็ปกติเหมือนรายอื่นๆในอุตสาหกรรม
ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- ดูจากภาพใหญ่ ผมมองว่าการผลิตชิ้นส่วนรถนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ "เหนื่อย"
- ภาพรวมดูโตน้อยนะ ไม่เกิน 10% ผมเลยมองว่าน่าจะเป็นจุดอิ่มตัว
- การผลิตแต่ชิ้นส่วนอย่างเดียว ผมมองว่าหากินยากในปัจจุบัน แล้วก็ดูไม่ค่อยโดดเด่นด้วย เหมือนเราเป็นซัพพลายให้กับบริษัทใหญ่ๆ กำไรไม่เยอะหรอก พวกเขาอำนาจต่อรองสูงมาก ถ้าคุณได้กำไรเยอะเขาเอากลับไปทำเอง ได้แค่พออยู่ได้
- แต่รายได้ที่ดี ผมคิดว่าน่าจะมาจากการขายรถมากกว่า
- ที่ผมรู้สึกแปลกใจ คือ ปี 58-59-60 กำไรโตขึ้นมาเท่าหนึ่งเลย มันเกิดอะไรขึ้น มองว่ามันผิดปกติ แต่ผมไม่รู้ว่ามันกำไรจากอะไร ค่าที่ปรึกษา? กำไรพิเศษ? หรือเปล่าต้องกลับไปดู
- การลดต้นทุน ผมว่ามันลดได้ยาก โรงงานอุตสาหกรรม จะลดต้นทุนแทบจะลดได้น้อยมากๆ
- อัตรากำไรสุทธิที่ผ่านมา 2-3% ผมว่าตรงนี้เป็นปกตินะ แต่พอมาปีหลังๆ ยอดขายเพิ่ม 11% โห้ Margin 8% โตขึ้นเท่าตัวเลย ตรงนี้เกิดอะไรขึ้น น่าสงสัยเราต้องกลับไปดู
- ธุรกิจผลิตชิ้นส่วน ให้ PE ไม่เกิน 10 เท่า อย่าง AH ประมาณ 9 เท่านิดๆ ผมว่าตรงนี้ก็ราคาปกติ นะ ไม่ได้ถูก
- ก่อนหน้านี้ก็นิ่งมาตลอด มาดีในปี 2560 แสดงให้เห็นว่าบริษัทก็พยายามหาช่องทางใหม่ๆ
- ชิ้นส่วนรถยนต์ มองว่าเฉยๆ แต่เป็นดีลเลอร์ ศูนย์บริการ ตรงนี้น่าสนใจ โดยเฉพาะมาเลเซีย
- P/E P/BV ก็ปกติ ตรงนี้ไม่แพง แต่ก็ไม่ถูก ยอดขายเพิ่ม ราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นมาแล้ว รับข่าวไปแล้ว
- จะก้าวกระโดดต่อไปได้อีกเยอะไหม ผมมองว่ายากนะ เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมดูไม่โต
- ปันผลพอใช้ได้ ไม่สูงมาก
- นาทีนี้ หวังว่าจะได้ Capital Gain สูงๆผมว่ายาก แต่ถ้าพูดถึงปันผลก็ถือว่าไม่เลว ถ้ากำไรโตได้อีก ปันผลก็มากขึ้น
- สรุปแล้ว ซื้อไปก็มองยาวนิดนึง จะหวังผลเยอะๆก็ไม่ได้
-------------------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model AH ชิ้นส่วนรถยนต์บนยุค 5G