ผ่านมาแล้วประมาณ 7 เดือน หลังจากที่ BCPG ได้กลายมาเป็นหุ้น VI ฟีเวอร์อย่างหนักที่ราคาหุ้นถีบตัวรุนแรงจาก 12 บาท ขึ้นมา 28 บาท ภายใน 8 เดือน สร้างผลตอบแทนมากกว่า 100% ประเด็นที่นักลงทุนให้มูลค่ามากที่สุด คือ การที่มี VI ชื่อดังอย่างน.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปรมาจารย์ด้าน VI เข้าติดรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ BCPG
ไม่เพียงแค่ประเด็นหลักเท่านั้น ประเด็นรองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ผู้บริหารได้ออกมาแสดงความเห็นในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนว่า BCPG ตั้งเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแคปเป็น 5 - 6 หมื่นลบ.ภายในปี 65 จากปัจจุบัน 3 หมื่นลบ. แย้มอยู่ระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าน้ำ-ลม-ใต้พิภพ-ชีวมวล และโซลาร์รูฟท็อป ทยอยชัดเจนปีนี้-ปีหน้า พร้อมร่วมพันธมิตรต่างประเทศศึกษาเทคโนโลยีใหม่ Internal of Energy ส่วนประเด็นเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์โซล่าร์รูปท็อปจะมีการเติบโตมากซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 500 MW ในอีก 20 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีกำลังการผลิต 10,000 MW และประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่อง Internal of Energy โดยร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศอีก 2 ราย ซึ่งจะเป็นพลังงานรูปแบบใหม่และจะมีความชัดเจนภายในปีนี้
** Internal of Energy คือเทคโนโลยีที่จะทำให้การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดจำนวนการสูญเสียไฟฟ้าระหว่างการจ่ายไฟฟ้า ถือเป็นการเติบโตรอบใหม่ของ BCPG
แต่การดำเนินธุรกิจหรือจะสู้ประเด็นที่มีชื่อนักลงทุนรายใหญ่ได้อย่างไร การเข้ามาถือหุ้นของ น.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ลูกสาวของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนและนักเก็งกำไรในตลาดจึงพร้อมใจกันตีความว่าหุ้น BCPG อาจจะต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น จึงเกิดแรงซื้อขึ้นมาจำนวนมากพร้อมกับวอลุ่มที่เข้ามาเก็งกำไรโดยที่ตัวบริษัทเองก็ยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นเข้ามาใหม่ๆอย่างเด่นชัด
ปัจจุบัน หลังจากปิดสมุดทะเบียนเมื่อเดือนมีนาคมปี 2561 รายชื่อของน.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร ก็ยังติดผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ โดนถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 12 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.6%
แต่หลังจากกระแส VI ฟีเวอร์ผ่านไป ราคาหุ้น BCPG ก็ร่วงลงมาจากจุดสูงสุดที่ราคา 28 บาท ลงมาแตะระดับราคาปัจจุบันที่ 19 บาท ท่ามกลางความสงสัยของนักลงทุนรายย่อยว่าหุ้นไม่ขึ้นต่อ หรือเป็นเพราะว่าหุ้นแพงไปแล้วกันแน่
งบการเงินในช่วงที่ผ่านมาของ BCPG งบไม่ได้แย่ อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง แต่หุ้นลง ?
ขอบคุณที่มาภาพ : www.set.or.th
ทีผ่านมา BCPG มีการเติบโตอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
ปี 2559 บริษัทมีรายได้ 3.38 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท
ปี 2560 บริษัทมีรายได้ 4.38 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 2.01 พันล้านบาท
แสดงให้เห็นว่าอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ 45% ROE อยู่ระดับ 14-17 เท่า ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงพอสมควร เมื่ออัตราส่วนทางการเงินออกมาน่าสนใจจึงไม่แปลกใจที่ตลาดจะให้ P/E และ P/BV ที่สูง โดยอยู่ที่ 27 เท่า และ 3.4 เท่าตามลำดับ ถือว่าเป็นหุ้นที่ไม่ได้ถูกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ณ ระดับราคาปัจจุบันที่ 19 บาท ส่งผลให้ P/E ลดลงมาเหลือ 20 เท่า และ P/BV ที่ 2.6 เท่า จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า หุ้นคุณภาพ แต่ถ้าซื้อในราคาที่สูงเกินไป ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ดีนัก
ปัจจุบันทางผู้บริหารเปิดเผยว่า บีซีพีจีได้วางงบลงทุน 5 ปี (61-65) 4 หมื่นลบ. หวังลุยซื้อกิจการพลังงานทดแทน เผยปัจจุบันมีเจรจาแล้วหลายราย คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ 1-2 ดีล พร้อมศึกษาลงทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ได้ข้อสรุปภายใน 2-3 เดือน ตั้งเป้าดันกำลังผลิตไฟฟ้าปี 62 แตะ 600 เมกะวัตต์ (MW)ลั่นผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม บุ๊คกำไรพิเศษ โรงไฟฟ้า COD เพิ่ม 8.9 MW
นักลงทุนมองอย่างไร ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิดครับ .....
== โบรคเกอร์มองอย่างไร ==
บล. Asiawealth แสดงความเห็นว่า BCPG ประกาศผลประกอบการออกมาได้ตามที่ตลาดคาดหวัง โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อินโดนีเซียทำให้รายได้ของ BCPG มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 21 บาท
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ : https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000348166/BCPG-180820-Company%20Update%20(TH)-1.pdf
บล.เมย์แบงค์กิมเอ็ง แนะนำ "T-Buy" ให้ราคาเป้าหมาย 20 บาท กำไรจากการดำเนินงานดีกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งยังมี Upside หากมีการขายสินทรัพย์โรงไฟฟ้า 2 แห่งในญี่ปุ่นให้กับกองทุนรวมโรงสร้างพื้นฐาน จะถูกบันทึกเป็นกำไรพิเศษเข้ามา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ :https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000347240/180808_BCPG_t.pdf
ราคาหุ้นของ BCPG ช่วงกระแส VI ฟีเวอร์
ขอบคุณที่มาภาพ : Bisnews Professional
== สรุปบทเรียนครั้งนี้ ==
เรียกได้ว่ากรณีศึกษานี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในตลาดหุ้นไทยกับกระแส VI ฟีเวอร์ ที่หุ้นตัวไหนปิดสมุดทะเบียนประกาศรายชื่อผู้ถือหุ้น นักลงทุนจะเข้าไปดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่นักลงทุนมีชื่อเสียงเข้าไปซื้อ และทำการ "Copy trade" ตาม โดยตีความเอาเองว่าหุ้นเหล่านี้น่าจะต่ำกว่ามูลค่า เข้าหลักการที่ว่า "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด" แต่ในความเป็นจริงแล้วนักลงทุนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น เขามีต้นทุนที่แตกต่างจากเรามาก และเราไม่เข้าใจว่าเขาซื้อเพราะเหตุผลใด และจะขายตอนไหน
เมื่อหุ้นถูกไล่ราคา นักลงทุนก็ยิ่งซื้อตามเพราะคิดว่ามาถูกทางแล้วโดยไม่ได้สนใจในเรื่อง "ความสมเหตุสมผล" ของราคาที่เราจะลงทุนหรือไม่ สุดท้ายแล้วเมื่อหุ้นแพงเกินไป ราคาหุ้นจะโดนปรับฐานลงมา สร้างความเสียใจให้กับนักลงทุนที่เข้าไปซื้อทีหลัง
ในความเป็นจริงแล้วหุ้น BCPG ไม่ได้ผิด ผลประกอบการก็ไม่ได้แย่จนถึงขาดทุน บริษัทมีการเติบโตที่ดี อัตรากำไรสุทธิในระดับสูง แต่ความผิดพลาดที่นักลงทุนแห่ตามกระแส "VI" ฟีเวอร์ นั้นเอง ...
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
http://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=M3lKcWh3aEtSV2M9&security=BCPG
https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=BCPG&ssoPageId=5&language=th&country=TH