#มือใหม่เริ่มลงทุน

เลือกหุ้นที่มีอัตราส่วนลด (Discount stock)

โดย Just Invest - เริ่มลงทุน
เผยแพร่:
601 views

เลือกหุ้นที่มีอัตราส่วนลด (Discount stock)

               หุ้นบางตัวที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มักมีจะมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติไปจากทฤษฎีทางการเงิน ที่กล่าวถึงเรื่องตลาดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะไม่มีหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นเวลานาน ถ้ามีจะถูกนักลงทุนเข้ามาเก็บไป

แต่ที่น่าสนใจคิดต่อไปว่า ในตลาดมีหุ้นประเภทไหนที่เป็นแบบนั้น หุ้นที่มีลักษณะแบบนี้ตลาดหุ้นไทย ได้แก่ ...

1. หุ้นในกลุ่ม Holding Company หรือบริษัทที่ถือหุ้นตัวอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยดูจากที่เป็นสินทรัพย์ของหุ้นที่บริษัทถือส่วนใหญ่

               ตัวอย่างเช่น  หุ้น A มี Market Cap 800 ล้านบาท แต่ถือหุ้นในบริษัท B ที่มีมูลค่า 1,000 ล้านบาท บนสมมุติฐานว่า บริษัท B ไม่มีหนี้ แสดงว่า เราสามารถใช้เงิน 800 ล้านบาท ซื้อหุ้น A และขายหุ้นให้ บริษัท B 1,000 ล้านบาท ในลักษณะนี้ เรียกได้ว่ามี Discount คือ มีอัตราส่วนลดอยู่ที่ 20% จากการซื้อ ในมุมมองของ Value Investor นี่คือหุ้นที่น่าสนใจ เพราะเชื่อว่า หุ้น A น่าจะวิ่งเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริงในอนาคต แต่ในความเป็นจริงอาจไม่ใช่

สำหรับหุ้นกลุ่ม Holding Company เพราะว่าในเชิงปฏิบัติ เราไม่สามารถที่จะโอนย้ายมูลค่ามาเป็นตัวเงินได้ เช่น การขายหุ้นออกทั้งหมดและแบ่งเงินกัน เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ๆจะไม่ยอมลดขนาดทรัพย์สินของตนเองลง ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้าของจะมองว่า ผลประโยชน์จากการบริหารและรับเงินเดือนไปเรื่อยๆ สูงกว่าการขายหุ้นทิ้งแล้วนำเงินไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นทุกคน ทำให้ Holding Company มักจะเป็นหุ้นที่มีอัตราส่วนลด มาโดยตลอด

2. กลุ่มหุ้นที่มีสินทรัพย์ซ่อนไว้ ทั้งที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคาร ราคาประเมินสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่ทรัพย์สินที่ยังซ่อนมูลค่าอยู่นี้ มักจะยังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงไปในราคาหุ้นของบริษัท ทำให้หุ้นของบริษัทมีอัตราส่วนลดนี้ จนกว่าจะมีการขายสินทรัพย์เหล่านี้ออกมา หรือทำการพัฒนาที่ดิน อสังหาฯ เพื่อให้เกิดรายได้และรับรู้มูลค่าที่แท้จริง

3. หุ้นที่เจ้าของกิจการเก็บกำไรสะสมไว้ยาวนาน เป็นหุ้นที่มีโอกาสเป็น Discount Stock เช่น การจ่ายปันผลต่ำ เมื่อเทียบกับกำไรที่ได้ เช่น จ่ายปันผลเพียง 20-30 % ของกำไรที่ทำได้ต่อเนื่องยาวนานเก็บเงินสดไว้ในบริษัทมากมายโดยที่ไม่มีโครงการลงทุนหรือขยายกิจการ

4. หุ้นดี แต่มีขนาดเล็ก กล่าวคือ เป็นหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจมากนัก รวมถึงนักลงทุนสถาบันไม่ได้ให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นบริษัทยังไม่ใหญ่ หรือยังมีสภาพคล่องน้อย ทำให้กองทุนใหญ่ๆ เข้ามาอาจจะไม่สามารถออกกันได้ โดยมากหุ้นประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการเติบโตและทำให้นักลงทุนเห็นคุณค่า จึงทำให้เป็น Discount Stock ค่อนข้างนานก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ครั้งสำคัญ จะทำให้หุ้นสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมาได้

5. กลุ่มหุ้นเติบโตช้า ส่วนใหญ่หุ้นในกลุ่มนี้มักอยู่ในอุตสาหกรรมที่อิ่มตัว บริษัทเหล่านี้มักมีกำไรที่ดีเป็นเวลายาวนาน และจ่ายปันผลค่อนข้างดี แต่ว่ายอดขายหรือรายได้รวม จะเติบโตน้อยหรือแทบจะไม่เติบโตเลยก็ได้ ซึ่งจะสะท้อนเข้ามาในงบฐานะการเงินของบริษัทค่อนข้างดี รายได้กำไรค่อนข้างมั่งคง มีหนี้น้อย แต่บริษัทก็มักไม่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ เพราะธุรกิจเริ่มจะ

               การหาหุ้นที่มีอัตราส่วนลดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพื่อที่นอกจากจะมองแค่ว่าเป็นหุ้นราคาถูก P/E ต่ำ ปันผลสูงถึง 4-6 % รายได้หรือกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ มีหนี้สินน้อยแล้วปัญหาก็น้อยตามมาด้วย จึงหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้นักลงทุนทุกท่านเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก Discount Stock ไว้ปรับใช้ในการลงทุนต่อไปตามสไตล์ของแต่ละคน  

 

-------------------------------------

บทความโดย Just Invest - เริ่มลงทุน 


เริ่มต้นลงทุน ไม่ใช่เรื่องยาก มาแชร์ข้อมูลไอเดียด้านการลงทุนดีๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ธุรกิจ อสังหา หรือ Fin-tech 

แค่เริ่มต้น ก็ลงทุนได้แล้ว บทความแนะนำการลงทุนจาก Investment Consultant 

ติดตามเพจ >>> https://www.facebook.com/justtoinvest/?modal=admin_todo_tour 

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง