ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่มีความผันผวนพอสมควร แล้วจากการที่ผมเป็นนักวางแผนการเงินที่ต้องพูดคุยและดูแลเรื่องการลงทุนให้กับลูกค้ามากมาย ทำให้ผมรับรู้ถึงอารมณ์ของผู้คนเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งอารมณ์ของคนนั้นมีความผันผวนยิ่งกว่าตลาดหุ้นเสียอีก …
ซึ่งผมเห็นอะไรบ้างในช่วง 1ปีที่ผ่านมา ลองมาดูไปพร้อมๆกัน …
ในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม ปี 2017 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นวิ่งไซด์เวย์อยู่ที่ 1500 จุด ถึง 1600 จุดอยู่พักใหญ่ๆ ช่วงนั้นเมื่อผมวางแผนให้ลูกค้าผมจะบอกให้ลูกค้าทยอยลงทุนไปเลย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะบอกว่ากลัวไม่อยากลงทุนในเวลานี้เลย แต่ในฐานะนักวางแผนการเงินเราก็ต้องยืนกรานให้ทุกคนทำตามแผนคือทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ
พอผ่านไปถึงช่วงปลายปี 2017 ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนดัชนีไปอยู่ที่ ประมาณ 1700 จุด ช่วงนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังกลัวอยู่บอกว่าตลาดหุ้นขึ้นมาสูงมากๆ กลัวว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลง อย่างไรก็ตามในฐานะนักวางแผนการเงินเราก็ยังต้องให้ลูกค้าทยอยลงทุนเหมือนเดิม
พอเปิดปี 2018 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ ที่ 1852 จุด คนส่วนใหญ่เริ่มมีความกล้า อยากเอาเงินมาลงทุนเพิ่ม อยากเติมเงินอีก เพราะเห็นผลกำไรในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะนักวางแผนการเงิน เราต้องแปลงตัวเป็นสติให้ลูกค้า บอกให้ลูกค้าทำตามแผนคือทยอยลงทุน ไม่ต้องใส่เงินเพิ่มเข้ามาเกินกว่าที่วางไว้
ผ่านไป 4เดือน ตลาดหุ้นปรับตัวลงจากจุดสูงสุด 1852 จุด มาอยู่ที่ 1584 จุด ปรับตัวลงมา 14% ลูกค้าหลายๆคน เต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล ถามว่าตลาดหุ้นเป็นอะไรทำไมตกลงเยอะขนาดนี้กองทุนหุ้นไทยในพอร์ตส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลงตามตลาด มีแต่คำถามว่าต้องทำอะไรไหม… สิ่งที่นักวางแผนการเงินต้องทำก็คือให้ความเข้าใจกับลูกค้าว่าตลาดหุ้นไม่ได้เป็นไรเลยแค่ผันผวนตามปกติ และยังคงยืนกรานคือให้ลูกค้าทยอยลงทุนเหมือนเดิมตามแผน ไม่ต้องขายทิ้งหรือปรับแผนอะไรทั้งนั้น
ผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากตลาดหุ้นลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1584 ตลาดหุ้นปรับตัวกลับมาที่ประมาณ 1700 จุด คนส่วนใหญ่ในช่วงนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความกลัวเพราะเพิ่งผ่านการตกอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นมา แล้วลองทายดูสิครับว่าในฐานะนักวางแผนการเงินผมจะแนะนำให้ลูกค้าทำอะไร …
ถูกแล้วครับ … ผมยังยืนกรานให้ลูกค้าทำเหมือนเดิมทุกอย่างคือทยอยลงทุนตามแผนเพราะเรามีการแบ่งกระจายเงินลงทุนไว้แล้วในตลาดหุ้นหลายๆประเทศ เมื่อเกิดความผันผวนอะไรก็แล้วแต่ในตลาดเรายังคงยืนกรานให้ลูกค้าทำตามแผนเหมือนเดิม
เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่จะทำให้เงินลูกค้าเติบโตได้ระยะยาวไม่ใช้การหาจังหวะซื้อจังหวะขายที่ดีที่สุดแต่ สิ่งที่จำทำให้เงินของลูกค้าเติบโตระยะยาวคือ วินัยในการลงทุนที่ต้องทำตามแผนที่วางไว้ คือ 1. กระจายการลงทุนให้ดี 2.เลือกกองทุนที่เก่งแบบสม่ำเสมอเป็นคนคัดกรองหุ้นให้ และ 3.ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอตามแผน
แค่เราทำตามแผนที่วางไว้อย่างมีวินัยทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาวได้ครับเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ