SYNEX เทรดดิ้งไอทีสื่อสาร กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกัน

ลักษณะธุรกิจ
จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และมีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง รวมถึงห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านอุปกรณ์ เครื่องเขียน

 

ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- แต่เดิมบริษัทเป็นของชาวไต้หวันแต่บริหารโดยคนไทย มีรายได้มาจากการขายอุปกรณ์คอม เน็ตเวิร์ค ซอฟแวร์ ประกอบเป็น 60% ถือเป็นรายได้หลัก ส่วนอุปกรณ์สื่อสาร เป็นสัดส่วน 40%

- รายได้จากการขายอุปกรณ์สื่อสารโตเร็วมากในช่วงที่ผ่านมา

- ธุรกิจของ SYNEX ประเภท B2B มีสินค้าในเครือจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นรายใหญ่

- ถ้าตลาดสมาร์ทโฟนโต บริษัทก็จะโตไปด้วย

- Synex อยู่ใน Growth Phase

- ถึงแม้ว่าธุรกิจคอมพิวเตอร์อาจจะแผ่วๆลงไปบ้าง แต่ SYNEX ก็ได้ตลาดสมาร์ทโฟนมาช่วยได้ถูกจังหวะ

- ฐานลูกค้ามีมากกว่า 5 พันราย จึงเป็นการท้าทายว่าบริษัทจะบริหารสินทรัพย์คงคลังอย่างไร และการจัดการหนี้สินจะดำเนินไปทิศทางไหน

- วงจรเงินสดของบริษัททำได้ดีขึ้น อย่างเมื่อก่อน 31 วัน ตอนนี้ลดลงเหลือ 27 วัน รับรู้เงินได้เร็วขึ้น ระบายสินค้าได้เร็ว ทำให้แน่ใจได้ว่าสินค้าไม่หล้าสมัย ตรงนี้สำคัญมาก

- การขายอุปกรณ์ไอที มันจะตกรุ่น ล้าสมัยไป ถ้าบริษัทบริหารได้ดีจะไม่ต้องตั้งสำรองค่าเสื่อม

- กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.43% ถือว่าน้อยและเป็นธรรมชาติของธุรกิจ B2B แต่ด้วยฝีมือของผู้บริหารทำให้บริษัท Perform ค่อนข้างดี

- ผมอยากฝากข้อสังเกตว่าบริษัทแนวๆนี้จะสังเกตได้ยังไงว่าเกิดวิกฤต ให้ดูจำนวนวันที่เก็บหนี้ ถ้าเขาเก็บหนี้ได้ช้าลงแสดงว่าดีลเลอร์เริ่มมีปัญหา ตรงนี้ก็จะเป็นปัญหา แต่เท่าที่ผมสังเกตจาก 54 วัน ตอนนี้เหลือ 47 วัน เก็บหนี้ได้เร็วขึ้น แล้วก็อีกเรื่อง คือวงจรเงินสด ยิ่งต่ำยิ่งดี ขายได้เร็ว ได้เงินสดเร็ว ถ้าเก็บได้ช้าลงต้องระมัดระวัง

- ปัจจุบัน บริษัทมี P/E 17 เท่า ในขณะที่ Growth 40% P/BV 4 เท่า ROE 24 เท่า และปันผล 3.38% ก็ถือว่าน่าสนใจ

- ผมมองว่าบริษัทนี้มี Discount อยุ่ แต่กระแสเรื่อง Platform Disruption ต้องระมัดระวังเรื่องนี้

- ถ้าบริษัทสามารถสร้าง Platform อย่างเช่นอาลีบาบาทำ เป็นต้น ตรงนี้จะมีมูลค่ามากขึ้น ไม่ได้ขายผ่านดีลเลอร์เหมือนเดิมตรงนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าของบริษัทมากขึ้น

ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ
- ต้องยอมรับว่า SYNEX เป็นบริษัทที่อยู่มานานแล้ว ธุรกิจอยู่ตัว ยิ่งทำนานยิ่งทำใหญ่นี้บ่งบอกถึงความชำนาญ

- ดูภาพใหญ่แล้วบริษัทดูดีเลยทีเดียว แต่ข้อจำกัดของบริษัทคือในวงการเหล่านี้เวลาเกิดความเสียหาย มันจะเสียหายหนักเลย

- บริษัทมีหนี้สินค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับส่วนผู้ถือหุ้น ถ้าประเทศไทยเกิดวิกฤตหรือเศรษฐกิจตกต่ำนี้บริษัทที่มีหนี้สินเยอะจะไปก่อน

- บางทีสินค้าไอทีบางอย่างนี้มันมาเร็ว ไปเร็ว ตัวอย่างเช่น "โนเกีย" เมื่อก่อนขายดีมากเลย ผ่านมาวันหนึ่งมันก็หายไปเลย หรือแม้แต่ซัมซุงออกมาเยอะมาก ออกมาเร็วจนดีลเลอร์ขายกันไม่ทัน สินค้าตกรุ่นเยอะ ขาดทุน

- มาร์จิ้นบางมาก ตรงนี้เป็นข้อเสียเลย อาศัยวอลุ่มในการขาย

- สินค้าประเภทนี้เวลาลดราคาหนักๆ 50-60% บางทีคนก็ไม่ซื้อนะเพราะมันตกรุ่นแล้ว คนไม่เอา ต่อให้ถูกแค่ไหนก็ไม่เอา มันไม่เหมือนสินค้าอย่างอื่นที่เวลาลดแล้ว มันดุน่าสนใจ

- เดียวนี้การขายออนไลน์มันมาเร็วมาก ผมไม่แน่ใจการพึ่งดีลเลอร์ การขายตามห้างอะไรแบบนี้จะยังดีอยู่ไหม

- แต่เท่าที่ดูก็ถือว่าบริษัทแข็งแกร่ง ใช้ได้ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ก็เติบโตนะ

- ผมรู้สึกว่าธุรกิจประเภทนี้ไม่ได้มีอนาคตสดใสมาก คู่แข่งจะเข้ามาไหม ผมว่าไม่เพราะธุรกิจยาก มาร์จิ้นน้อยมันไม่จูงใจให้ทำ และสุดท้ายปลายทางของสินค้าพวกนี้ คือ มันจะหายไป มันตกรุ่น คนไม่กล่าวถึง ต่อให้ลดราคาแค่ไหนคนก็ไม่เอา

- ผมมองว่าสถานการณ์มันดูดีมาก เขาก็เก็บเกี่ยวไปตามวงจรบริษัทขาขึ้น แต่อีกสักปีสองปี ผมไม่แน่ใจ ถ้ายอดขายลดลงจะทำยังไงต่อไป สินค้าจากเมืองจีนเช่นสมาร์ทโฟนเครื่องละพัน สองพัน เข้ามา ต่อไปสินค้าของ SYNEX จะทำยังไงละ เพราะเขาขายเครื่องละ 3 พัน 4 พัน

- เดียวนี้สั่งสินค้าจากจีน ง่ายนิดเดียว ราคาถูกกว่าด้วย

- ตอนนี้บริษัทเป็นขาขึ้น จะเก็บเกี่ยวได้เท่าไร และจะอยู่ได้นานแค่ไหนตอนเป็นขาลง ตรงนี้เป็นเรื่องท้าทายของผู้บริหาร

- ผมมองว่าบริษัทเป็น Sunset ที่ยังมีกำไร

 

--------------------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model SYNEX เทรดดิ้งไอทีสื่อสาร