เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินแต่โพยหวย ! ทุกกลางเดือนกับต้นเดือน เลขเด็ดไหนจะออกงวดนี้... แต่รู้หรือไม่ว่า ในวงการหุ้นก็มีโพยเหมือนกัน แต่เป็นโพยหุ้นนะ หรือภาษาที่นักลงทุนนิยมเรียกกันว่า Watch list ซึ่งเป็นวิธีรวบรวมรายชื่อหุ้นที่คุณสนใจ เฝ้าคอยดูเฝ้าติดตามข้อมูลอย่างน้อย 10-30 ตัว บางคนอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

ในตลาดหุ้นมีหุ้นที่ให้เลือกมากกว่า 700 ตัว แต่ขอคุณเฝ้าเลือกดูหุ้นเพียงแค่ 5 % จากหุ้นทั้งหมด 700 ตัว หรือตีกลมๆ หุ้นที่คุณต้องเฝ้าติดตามประมาณ 30 ตัวเท่านั้น แล้วทำการแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่มย่อย หุ้นที่ติดตามอย่างใกล้ชิด กับติดตามอย่างเป็นระยะๆ ที่ควรจะติดตามข้อมูลที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของบริษัทในทุกๆ ไตรมาส, ฟัง Opp Day ที่ทางผู้บริหารจะมาเล่าผลการดำเนินงานและแผนเติบโตให้ฟัง และข้อมูลข่าวสารที่สำคัญๆ ที่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ หรือแม้แต่กราฟราคาหุ้นนั้นๆ

ทั้งนี้ผมขอเสนอไอเดียการสร้าง Watch List 5 ขั้นตอนสร้างโพยหุ้นเด็ด

ฉบับง่ายๆ ที่คุณก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง

1 มองเทรนด์ในอนาคต (Mega Trend) มองไปอีกอย่างน้อย 5 – 10 ปีข้างหน้า โลกของเราจะเปลี่ยนไปอย่างไรได้บ้าง หรือประเทศของเราจะเปลี่ยนไปตามประเทศหลักๆ ของโลกตามกระแสได้อย่างไรบ้าง เช่น อีกไม่กี่ปีข้างประเทศไทย กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) แน่นอนว่า กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการแพทย์ สุขภาพ ยารักษาโรค และอีกเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มเทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือธุรกิจฟินเทค ในอนาคตเราอาจได้เห็นหุ่นยนต์ A.I. เข้ามาทำงานแทนมนุษย์มากขึ้น

2  วิเคราะห์อุตสาหกรรมหรือธุรกิจ เมื่อมองเทรนด์ในอนาคตออกแล้ว ข้อต่อมามามองที่ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ตรงกับเมกะเทรนด์ จากข้อ 1 ถ้าเราคิดว่าธุรกิจการแพทย์กำลังจะมาแรง และเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขัน, อำนาจต่อรองทั้งของผู้ซื้อและผู้ขาย, ธุรกิจผูกขาดมากน้อยเพียงใด คุณต้องไปลิสต์รายชื่อหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่กลุ่มโรงพยาบาลมาไว้ในโพยหุ้น เช่น CHG โรงพยาบาลจุฬารัตน์, BH โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , BDMS กรุงเทพดุสิตเวชการ, BCH บางกอก เชน ฮอสปิทอล, LPH โรงพยาบาล ลาดพร้าว, VIBHA โรงพยาบาลวิภาวดี, RAM โรงพยาบาลรามคำแหง, SVH สมิติเวช

3 วิเคราะห์บริษัทโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน การลงทุนตามหลักการ VI นั้น เราควรมองหาธุรกิจที่ดี ในราคาที่ถูก และมีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต แล้วจะรู้ได้อย่างไรบ้าง ก่อนอื่นคุณควรอ่านสรุปรายงาน 56-1 หรือรายงานประจำปีของแต่ละบริษัทที่คุณสนใจก่อน และทำการเปิดงบการเงินเพื่อดูความสามารถในการเติบโตทั้งด้านของรายได้ กำไรสุทธิ และความเสี่ยง หรือหนี้สินของบริษัท ดูค่าความถูกแพงของมูลค่า P/E, P/BV  รวมทั้งการเทียบส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of safety) บางคนอาจจะกำหนดไว้ที่ 10-50% ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

4 วิเคราะห์หุ้นโดยใช้ปัจจัยเทคนิค การลงทุนที่ดีนอกจากจะลงทุนถูกตัว ถูกที่ และต้องถูกเวลาด้วย เครื่องมือทางเทคนิคอล จึงมีความสำคัญใจการใช้จับจังหวะซื้อขายหุ้นได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น แนวรับ-แนวต้านที่มีระดับนัยสำคัญ หากหุ้นที่เราสนใจอยู่ทะลุแนวต้านที่มีความสำคัญไปได้ พร้อมกับมีปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบสัปดาห์ หรือใช้เครื่องมือ RSI ที่ไว้ดูรอบการขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัว

5 วางแผนการลงทุนก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ก่อนที่เราจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนตัวหนึ่ง สิ่งสำคัญคุณต้องมีเหตุผลทุกครั้ง ว่าทำไมถึงซื้อ-ขาย หุ้นตัวนั้น หุ้นตัวที่คุณลงทุนอยู่ คุณคิดว่าจะลงทุนระยะยาว หรือเก็งกำไรระยะสั้น ทางที่ดี ผมขอเสนอให้คุณควรมีพอร์ตการลงทุนอย่างน้อย 2 พอร์ต เช่น พอร์ตเพื่อการลงทุนระยะยาว กับพอร์ตเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น แบ่งสัดส่วน 50:50 % ก็ได้ หรือ 70:30 ก็ได้ และที่สำคัญคุณควรกันเงินสดสำรองเก็บไว้ส่วนหนึ่งด้วย เพื่อมีจังหวะโอกาสทองในการเก็บหุ้นในโพยที่คุณสนใจได้อย่างทันการ  

นอกจาก 5 ข้อที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ที่อยากจะเตือนนักลงทุนไว้ คือ คุณควรจะมีวินัยและใช้สติในการลงทุน การลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวแน่นอน ควรที่จะวางแผนการลงทุนเพื่อให้อยู่ในตลาดหุ้นได้นานพอ จากผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ยังไม่นับรวมเงินปันผลอีก 3-4% ต่อปี หากเราลงทุนโดยไร้สติ ไม่มีวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องแล้วนั้น คุณจะไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน บางทีหุ้นตกเพราะปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับบริษัท คุณไม่จำเป็นจะต้องเทขายแตกตื่นตามคนอื่นๆ  อย่าลืมทำการบ้าน วางแผนการลงทุน ปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง คุณจะเข้าใจการลงทุนได้มากกว่าคนอื่นๆ ในตลาดหุ้น 

เชื่อว่าจากโพยหุ้นที่คุณสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง จะทำให้คุณค้นพบหุ้น super stock ได้  คุณจะกลายเป็นคนส่วนน้อยในตลาดหุ้น ที่สามารถประสบความสำเร็จการลงทุนได้ด้วยตนเองทีไม่จำเป็นต้องไปลงทุนตามเซียนผู้ใดอีกต่อไป

บทความโดย Just Invest - เริ่มลงทุน