เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนๆคงจะได้ยินประกาศในเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข ประกาศห้ามผลิต นำเข้า จำหน่าย อาหารที่มีส่วนที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ ไขมันทรานส์ (trans fat) เหตุเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ซึ่งในมุมมองของผู้บริโภคก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่คนจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อาจจะมีผลกระทบเรื่องต้นทุนของผู้ผลิตที่เพิ่มขึ้น และกระทบกับสินค้าบางอย่างให้มีราคาสูงขึ้น ประเด็นนี้ก็ต้องถกเถียงกันต่อไป
แต่ประเด็นสำคัญในตลาดหุ้น คือ แล้วมีหุ้นตัวไหนบ้างที่ "คาดว่า" น่าจะได้รับผลกระทบและต้องปรับตัวกับการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้
ไขมันทรานส์ คืออะไร?
ไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นหนึ่งในประเภทของไขมันทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ ไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และไขมันทรานส์ ที่มีส่วนประกอบหลักคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโครงสร้างชนิดทรานส์ พบได้เล็กน้อยจากไขมันในเนื้อสัตว์ และนม แต่ส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเป็นไขมันที่ได้จากการสังเคราะห์ระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร โดยการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากขึ้น และทำให้ไขมันที่ได้ดังกล่าวช่วยยืดอายุของอาหารได้มากขึ้น และเพิ่มความคงตัวของรสชาติอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าไขมันทั่วไป ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการต่างๆ จึงนิยมใช้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์มาประกอบอาหาร
เราลองมาสอดส่องกันดูครับ .....
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.61 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกท.สาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องไขมันทรานส์ ทั้งนี้มองว่าการที่ พรบ.ไขมันทรานส์ ออกมานั้นจะกระทบกับผู้ผลิต ครีมเทียม เนยเทียม เนยขาว มาการีน คุ้กกี้ โดนัท พัฟ ฟาย และขนมเวเฟอร์ต่างๆ
ทั้งนี้ TVO ไม่มีการผลิตไขมันทราน์ ในส่วนของน้ำมันถั่วเหลืองเมื่อใช้ในการทอดที่ใช้ความร้อนสูง และทอดซ้ำๆก็ทำให้เกิดไขมันทรานส์ได้เช่นกัน ถึงแม้จะไม่โดนโดยตรง แต่ก็เกี่ยวข้องในลักษณะทางอ้อม
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกับ พรบ.ไขมันทรานส์ คือหุ้นในกลุ่มน้ำมันปาล์ม และ Winner(มีนำเข้าสินค้าที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์เข้ามา) รวมถึงผู้ประกอบการเบเกอร์รี่ต่างๆ แต่ภาครัฐก็ให้เวลาในการปรับตัว ต้องรอดูกันว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้าง ประเด็นนี้ต้องติดตามกันต่อไป ...
ทั้งนี้ TVO ผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง ตราองุ่น และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ กากถั่วเหลือง, ดีฮัล ซอยมีล, ฟูลแฟตซอย, ดีฮัล ฟูลแฟตซอย รวมทั้ง เลซิติน ซอยฮัล น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคาโนลา และน้ำมันมะกอก
Winner ดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่ายวัตถุดิบ ส่วนผสม และเคมีภัณฑ์อาหารที่ใช้ในการแปรรูปอาหาร และเบเกอรี่อย่างครบวงจร ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับและภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เช่น ผลิตภัณฑ์แป้งมันฝรั่ง ตรา AVEBE ผลิตภัณฑ์ไข่ผง ตรา IGRECA และผลิตภัณ์โกโก้ ตรา JB Cocoa และเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภคภายใต้ตราสินค้าชั้นนำ เช่น ป๊อปคอร์นสำหรับไมโครเวฟ ตรา POP Secret ธัญพืชแท่ง ตรา Nature Valley และแป้งเบเกอรี่สำเร็จรูป ตรา Betty Crocker โดยบริษัทฯ มีสินค้าที่จัดจำหน่ายหลากหลายมากกว่า 500 รายการ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ จะนำเข้าจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ เป็นต้น
สำหรับผู้ผลิตเบเกอร์รี่ ซึ่งรวบรวมมาจากเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ MINT CENTEL AU SNP PB
MINT มีรายได้จากธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเดอะ พิซซ่า คอมปะนี, เบร็ดทอล์ค, เบอร์เกอร์ คิง เป็นต้น
CENTEL มีรายได้มาจากธุรกิจอาหารเป็นรายได้หลัก มิสเตอร์โดนัท อาร์ตี้ แอนด์ เค.เอฟ.ซี สาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ
AU บริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายขนมหวาน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ (1) ธุรกิจร้านขนมหวาน ภายใต้ชื่อ "ร้านอาฟเตอร์ ยู" และ "ร้านเมโกริ
SNP บริษัททำร้านอาหาร ร้านเบเกอร์รี่
PB บริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายขนมปัง ภายใต้แบรนด์ "ฟาร์มเฮาส์"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้สรุปมาจากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ และเป็นข้อมูลที่นักลงทุนต้องนำไปปรับใช้ต่อการลงทุน ผู้ลงทุนจำเป็นจะต้องศึกษาให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
www.set.or.th