#แนวคิดด้านการลงทุน

ทำกำไรจากหุ้น "Panic Sell" ได้อย่างไร

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
164 views

Panic Selling หรือสภาวะที่เกิดจากการขายแบบตื่นตระหนกตกใจ อาจจะเกิดขึ้นจากมีข่าวลือหรือข่าวร้ายบางอย่างที่นักลงทุนไม่คาดคิดมาก่อน แล้วทุกคนตกใจเลยเกิดการเทขายหุ้นออกมา ทำให้หุ้นตัวนั้นตกหนัก ... ว่ากันว่าหุ้นที่เรียกว่า Panic Sell ได้นั้นต้องประกอบไปด้วย ปัจจัย 2 อย่าง นั้นคือ
1. หุ้นตกอย่างรวดเร็ว
2. มีวอลุ่มซื้อขายสูงกว่าปกติ

การเกิด Panic Sell ขึ้นนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักเก็งกำไรซื้อขายรายวันเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเกิดในหมู่นักลงทุนที่เรียกว่า Value Investor ก็เป็นได้ หมายถึง นักลงทุนกลุ่มนี้ไม่สนใจราคา แต่จะสนใจ "มูลค่าโดยเนื้อแท้" เพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น นักลงทุนกลุ่มนี้อาจจะมีปรับราคาใหม่ ทำให้เกิด Panic Sell ได้ในหุ้นตัวนั้นๆ .. นักเก็งกำไรเสียหายเพราะหุ้นตก นักลงทุนก็เสียหายจากมูลค่าโดยเนื้อแท้ ที่หดหายไปก็ไม่ผิดนัก

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่า เมื่อหุ้นเกิด Panic Sell จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อและทำกำไรก้อนใหญ่ก็เป็นได้ ประเด็นสำคัญคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นนั้นถึงก้นบ่อและพร้อมจะกลับตัวขึ้นมาแล้ว อะไรคือ "สัญญาณ" เหล่านั้น และเราจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร นี้เป็นข้อสังเกตส่วนตัวของผู้เขียนครับ ..

== รูปแบบของ Panic Sell ==
ผมยกกราฟขึ้นมาบริษัทหนึ่ง นี้เป็นตัวอย่างที่คลาสสิคมากโดยนักลงทุนสามารถหาได้ทั่วไปในตลาดหุ้น และนี้เป็น 4 ขั้นตอนที่เราต้องเข้าใจให้ดีครับ


รูปแบบของ Panic Sell
Source: Tradecision

ขั้นตอนที่ 1 หุ้นตกลงอย่างหนัก พร้อมกับการมาของวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนนี้ข่าวของหุ้นตัวนี้จะมีลักษณะคลุมเคลือ ไม่ชัดเจน การเข้ามาตรวจสอบของ กลต. นักลงทุนจะเข้าใจได้ว่ามีข่าวบางอย่างที่ยังเปิดเผยออกมาไม่หมด หรือเปิดเผยออกมาหมดแล้วทำให้ตลาดเกิดอาการ "ช๊อค" กับพื้นฐานของหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขั้นตอนที่ 2 การหยุดตกระยะสั้น ขั้นตอนนี้เป็นการสู้กันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ถ้าฝ่ายใดชนะจะเป็นผู้ควบคุมเทรนของหุ้นได้ทั้งหมด สำหรับวอลุ่มการซื้อขายนั้นยังคงมากอยู่ แต่น้อยกว่าขั้นตอนที่ 1 โดยเฉลี่ย

ขั้นตอนที่ 3 เทรนที่ไม่ชัดเจน หลังจากผ่านขั้นตอนที่ 2 แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการ "เหวี่ยงตัว" ของราคาหุ้น หมายถึงการทำกำไรของผู้ชนะในขั้นตอนที่ 2 ทำให้ขั้นตอนที่ 3 ไม่มีผู้ควบคุมเทรนอย่างชัดเจน ต้องรอทดสอบแรงซื้อแรงขายอีกครั้งหนึ่ง

ขั้นตอนที่ 4 ไซด์เวย์ ... หุ้น ณ เวลานี้ไม่มีใครเข้ามาซื้อ เข้ามาขาย ทำให้หุ้นเกิดอาการ "สงบนิ่ง" เพื่อรอคอยอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเรื่องสัญญาณเทคนิคที่แน่ชัด หรือพื้นฐานที่สอดคล้องกับราคาหุ้น วอลุ่มช่วงนี้จะหายไปอย่างมาก

คร่าวนี้เรามาดูกันว่า เราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง

 

== กลยุทธ์ The Exhausted Selling Model ==
The Exhausted Selling Model ต่อไปนี้เราจะเรียกว่า ESM คือการมองหาว่าราคาหุ้น ถึงข้างล่างและพร้อมจะเปลี่ยนแนวโน้มได้หรือไม่ โดยพิจารณาจากปัจจัย 4 ส่วน อันได้แก่
1. เส้นแนวโน้ม หรือ Trend lines
2. ปริมาณการซื้อขาย หรือ Volume
3. เส้นค่าเฉลี่ย หรือ Moving Averagesฃ
4. รูปแบบของกราฟแท่งเทียน หรือ Chart Patterns

นี้เป็นข้อแนะนำสั้นๆของผม ดังนี้ครับ
- ราคาหุ้นลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการยืนยันได้ว่าหุ้นเกิดอาการ Panic Sell จริงๆ

- ให้มองหาจุดต่ำสุดใหม่ พร้อมกับวอลุ่มพุ่งขึ้นมากสุด อาจจะเป็นการบอกใบ้ว่าตรงนี้คือจุดต่ำสุดของหุ้น เพราะรายย่อยคัตลอสหุ้นออกไปหมดแล้ว (ถ้าไม่อย่างนั้น วอลุ่มจะมาจากไหนละ ?)

- ให้มองหารูปแบบแท่งเทียนที่เป็น "จุดกลับตัว" Reversal Pattern ตัวอย่างเช่น Engulfings เพื่อยืนยันว่ามีแรงซื้อเข้ามาจริงๆ

- เมื่อหุ้นเกิดอาการเหวี่ยงตัว แล้วไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ ตรงนี้อาจจะเป็นสัญญาณว่าหุ้นหยุดลงแล้ว

- เมื่อหุ้นเบรคเส้นแนวโน้มขาลง ก็เป็นตัวช่วยยืนยันได้ว่า หุ้นอาจจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

- ราคาหุ้นต้องยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 40 วัน และ/หรือ 50 วัน ได้อย่างมั่นคง

การเข้าซื้อโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเป็นแนวความคิดที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงมาก นักเก็งกำไรมือใหม่ก็สามารถเข้าใจมันได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องจำไว้ว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นจะให้สัญญาณซื้อเร็วกว่า แต่แม่นยำน้อยกว่า เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว ที่จะให้สัญญาณซื้อที่ช้ากว่า แต่แม่นยำในเรื่องของแนวโน้มมากกว่า

 

 
หุ้น CBI
Source: ChartSetups.com

นี้คือหุ้น Chicago Bridge & Iron (CBI) ที่ประกาศผลประกอบการล่าช้าที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด ส่งผลให้หุ้นลงไปกว่า 16% ภายในชั่วโมงเดียว 
อันดับแรก นักลงทุนต้องมองหาวอลุ่มที่มากกว่าปกติ เพื่อบ่งบอกว่าตรงนี้ "อาจจะ" เป็นจุดต่ำสุด โดยส่วนใหญ่แล้วหลังจากนั้นหุ้นจะฟอร์มตัวเป็น "สามเหลี่ยม" หรือ descending triangle

นักลงทุนสามารถวาดเส้น Trendline ได้ไม่ยาก อย่างในภาพเราใช้เส้นสีแดงเป็นเส้นแนวโน้ม เมื่อแท่งเทียนเบรคเทรนไลน์ขึ้นมา เราอาจจะเข้าซื้อทดสอบก่อน 1 ไม้ตรงนี้ และจะซื้อเพิ่มมากขึ้นเมื่อกราฟแท่งเทียนสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย Moving Average 40 วัน และ 50 วัน ได้

วิธีการขายหุ้นนั้น จะมี 2 วิธี คือ เราใช้เส้น Trendline ขาขึ้นเป็นตัว Let Profit Run เมื่อหลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้น เราจึงจะ Take Profit ส่วนอีกวิธีคือ เมื่อกราฟแท่งเทียนหลุดเส้น 40 วัน และ 50 วัน เป็นตัวขายทำกำไร

สรุป
Panic Sell คือโอกาสในการเข้าซื้อและขายทำกำไรในระยะสั้น สำหรับผู้มองเห็นโอกาสเท่านั้น เราสามารถหาประโยชน์จากความผิดปกติของตลาดได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็มีเรื่องเตือนเพียง 2 ข้อเท่านั้น

ข้อแรก กลยุทธ์ ESM เป็นโมเดลหนึ่งเพื่อใช้ในการมองหาจุด "กลับตัว" ของราคาหุ้น คุณอาจจะมีโมเดลของคุณที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ถ้ามันใช้ได้ผล ล้วนแต่เป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพทั้งนั้น 
สิ่งที่ผู้เขียนยกตัวอย่างมาเป็นแค่แนวความคิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรลอกไปใช้โดยไม่มีความชำนาญเพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

ข้อที่สอง ยิ่งเครื่องมือมากเท่าไร ยิ่งสับสนวุ่นวายมากเท่านั้น ... สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะเตือนคือ คุณไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องมือมากมายในการซื้อขายหุ้น ขอเพียงคุณชำนาญเครื่องมือเพียง 2-3 อย่าง ก็สามารถเก็งกำไรได้แล้ว ยิ่งคุณใช้เครื่องมือมากเท่าไร สัญญาณซื้อยิ่งชัดมากขึ้นเท่านั้น แต่สัญญาณที่คุณรับรู้อาจจะช้าเกินไป จะทำให้ผลตอบแทนของคุณลดต่ำลง
ในขณะเดียวกัน เครื่องมือน้อยชิ้น จะส่งสัญญาณที่เร็วแต่ความแม่นยำก็ต่ำกว่าเช่นเดียวกัน สำหรับผลตอบแทนนั้นจะมากกว่าการที่คุณใช้เครื่องมืออยู่หลายชิ้น

หวังว่าโมเดล ESM จะเป็นโมเดลความคิดที่ช่วยคุณหลีกหนีจากสภาวะ Panic Sell

อย่าลืมจุด Stop loss สำคัญเสมอ **

----------------------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
How to Profit From Panic Selling เขียนโดย Jistin Kuepper จากเว็บไซด์ Investopedia

https://www.investopedia.com/articles/trading/06/esm.asp

เรียบเรียงและแปลโดย SiTh LoRd PaCk


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง