การโยนหัวก้อย โอกาสทายถูกคือ 1 ใน 2 หรือ 50%

การโยนลูกเต๋า โอกาสทายถูกคือ 1 ใน 6 หรือ 16.67%

แต่การลงทุนในหุ้นไม่ใช่เรื่องของการเสี่ยงทาย ที่ต้องใช้เหรียญ ลูกเต๋า หรือคุกกี้มาทำนายกัน แต่เราต้องหา “หลักการลงทุน” เฉพาะตัวที่ตรงกับจริตของเราให้เจอ ฝึกฝนจนช่ำชอง แล้วมันจะกลายมาเป็นวรยุทธ์ติดตัวเราไว้ใช้ในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ

สำหรับผม หลักที่ใช้การลงทุน เปรียบได้กับการออกตามหา Dragon Ball ทั้ง 7 ลูก เพื่อที่ว่าเมื่อสะสมครบทั้งหมดจะได้ขอพรจากเทพเจ้ามังกรให้การลงทุนประสบความสำเร็จ ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง หยิบ Dragon Radar แล้วออกเดินทางตามหาลูกแก้วมังกรด้วยกันเลยครับ

ลูกแก้วดวงที่ 1: วาดความฝัน

มนุษย์เรามีแรงจูงใจมุ่งมั่นทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จได้ก็ด้วยเพราะมีความฝัน ลองนึกดูว่าชีวิตนี้เราอยากได้อะไร บางครั้งมันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดามาก อย่างตัวผมเองแค่อยากไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศวันธรรมดา อยากมีเวลาว่างมาสอนคนทั่วไปด้านการลงทุน อยากเขียนหนังสือ เสร็จแล้วผมก็ขีดเขียนมันออกมาลงกระดาษ เอารูปมาแปะ เอาตัวอักษรมาใส่ เพื่อวาดภาพให้เห็นเป็นรูปธรรม

สิ่งสำคัญที่อยากจะบอกคือ ฝันของใครก็คือฝันของเขา ลอกกันไม่ได้ คุณต้องหาด้วยตัวเองว่าอะไรที่ทำให้คุณยิ้มได้ และโลกของคุณจะสดใสถ้าได้มันมา

ลูกแก้วดวงที่ 2: เขียนเป้าหมายลงกระดาษ

วิธีไปถึงซึ่งความฝัน บางทีเราต้องการอิสรภาพทางการเงินก่อน เพื่อที่จะได้มีอิสรภาพทางเวลาไปทำสิ่งที่ฝันได้ เราลองตั้งเป้าระยะยาว เช่น ภายใน 10 ปี หรือ 20 ปี จะต้องมีเงินเท่าไหร่ แล้วค่อย ๆ คำนวณย้อนกลับมาว่าในแต่ละปีต้องทำผลตอบแทนปีละเท่าไหร่จึงจะสำเร็จตามเป้าได้

ไอเดียส่วนตัวของผม คือ เงิน 1 ล้านบาท ถ้าทำผลตอบแทน 26% ต่อปี ทุก 10 มันปี มันจะเปลี่ยนหลัก คือ มี 0 เพิ่มมาอีกตัว แปลว่า ปีที่ 10 กลายเป็น 10 ล้าน ปีที่ 20 กลายเป็น 100 ล้าน ปีที่ 30 กลายเป็น 1,000 ล้าน 

หรือถ้าใครมองว่ามันยากเกินไปอาจลองอีกไอเดีย คือ เงิน 1 ล้านบาท ถ้าทำผลตอบแทน 15% ต่อปี ทุก 10 ปี มันจะคูณสี่ แปลว่า ปีที่ 10 กลายเป็น 4 ล้าน ปีที่ 20 กลายเป็น 16 ล้าน ปีที่ 30 กลายเป็น 64 ล้าน

เช่นกันกับความฝัน เป้าหมายใครเป้าหมายคนนั้น และอยู่ที่เรื่องของความต้องการ ระยะเวลา บวกกับความทุ่มเทของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป

ลูกแก้วดวงที่ 3: เข้าใจ Business Model

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่เราต้องเข้าใจว่าหุ้นที่เราจะไปซื้อมีรูปแบบการทำธุรกิจเป็นอย่างไร เราต้องสามารถวาดภาพตั้งแต่ต้นจนจบของกระบวนการทำธุรกิจมีอะไรบ้าง เช่น CPALL เป็นเหมือนคนกลางทำร้านค้าปลีก ต้องไปซื้อของจาก suppliers หลากหลายเจ้า เอามาวางขายในร้าน 7-11 และ Makro ของตัวเอง ให้คนทั่วไปมาซื้อของไปกินไปใช้กัน ถ้าเป็น 7-11 ก็จะเน้นของกินเยอะหน่อย ของชิ้นเล็ก ๆ ในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็จะมีไม่กี่แบรนด์เฉพาะที่ขายดีมาวางขาย และเน้นมาร์จิ้นสูง แต่ถ้าเป็น Makro ก็จะเน้นขายร้านโชว์ห่วยที่มาซื้อไปขายอีกที ขายยกโหลยกลัง จับมาร์จิ้นต่ำแต่เน้นโวลุ่ม

อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างคร่าว ๆ ที่เราต้องรู้จักธุรกิจของหุ้นที่เราสนใจจนสามารถเห็นห่วงโซ่ของเขา และรู้ได้ทันทีว่าจุดไหนจะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายในการทำธุรกิจให้ได้กำไรหรือขาดทุน อย่าง 7-11 หล่อเลือกได้เพราะสาขาเยอะ บีบขอมาร์จิ้น supplier ได้เยอะ และก็เน้นขายของกินให้เยอะ ๆ เพราะกำไรสูงกว่า โดยตัวเองก็ทำหน้าที่ขยายสาขาไปเรื่อย ๆ ปีละ 700 สาขาอย่าให้ตก

ลูกแก้วดวงที่ 4: เข้าใจโครงสร้างงบ และ อัตราส่วนพื้นฐาน

ผมชอบคำนวณ common size ออกมาดู เช่น CPALL ขายของได้เงินมา 100 บาท เป็นต้นทุนไปซะ 77 บาท เป็นค่าใช้จ่ายขายและบริหาร 18 บาท เสียดอกเบี้ยกับภาษีนิดหน่อย 1 บาท เหลือกำไรสุทธิ 4 บาท

การทำแบบนี้จะทำให้เราเห็นภาพว่าสินค้าที่เราขายได้มันไปจมกับค่าใช้จ่ายก้อนไหนเท่าไหร่บ้าง ในส่วนของสินทรัพย์กับหนี้สินก็ทำรูปแบบเดียวกันเพื่อจะได้เห็นภาพว่า เป็นโรงงาน ร้านสาขาเยอะใช่มั้ย เป็นเจ้าหนี้เยอะ เงินกู้น้อย อะไรประมาณนี้

อัตราส่วนพื้นฐานก็จะแยกดูแต่ละส่วนว่าดีมั้ย ได้แก่

• สภาพคล่องเป็นอย่างไร ดูจาก Current Ratio, Quick Ratio, Cash Cycle และ CFO
• อยู่ตลอดรอดฝั่งได้มั้ย ดูจาก D/E, Debt/EBIT
• ทำกำไรดีแค่ไหน ดูจากกำไร 3 ขั้น GPM, EBIT, NPM
• มีประสิทธิภาพแค่ไหน ดูจาก ROE, ROA, Asset Turnover

ลูกแก้วดวงที่ 5: หุ้นดีต้องมี Growth Story

ถ้าอยากเห็นหุ้นวิ่งเร็ว ต้องคอยมองหา Key Driver ที่จะมาช่วยผลักดันให้กำไรของหุ้นตัวนั้นเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เช่น กำลังจะ COD โรงไฟฟ้า ตึกโรงพยาบาลใหม่จะเสร็จแล้วคนไข้รอรักษา จะมีการทำ M&A เป็นต้น คือตลาดมักจะตอบสนองไปในทางบวกกับ Growth Story ที่ชัดเจนและดูเป็นรูปธรรมว่าจะทำให้กำไรของหุ้นตัวนั้น ๆ เติบโตได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้นวิ่งได้เร็ว

ลูกแก้วดวงที่ 6: ระวังเรื่องความเสี่ยง

เราจะมองแต่ด้านดีอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่เราต้องพยายามหาจุดอ่อนมาดูด้วย เพื่อที่จะได้เป็นการเฝ้าระวังไปในตัว เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมีผลต่อหุ้นขนส่งทำให้ต้นทุนเพิ่ม  ฝนตกแทบจะทุกวันทำให้เครื่องปรับอากาศขายไม่ดี หรือหุ้นบางตัวมีคดีความฟ้องร้องแล้วยังไม่ได้ตั้งสำรองหนี้ไว้ก็อาจทำให้เจ็บตัวภายหลังได้

ลูกแก้วดวงที่ 7: ประเมินมูลค่าอย่างเป็นกลาง

6 ข้อที่ผ่านมาผมพูดถึงแต่เรื่องคุณภาพหรือมูลค่าเป็นหลักเลย เพราะผมเชื่อว่า “คุณภาพต้องมาก่อน เรื่องราคาค่อยว่ากัน” มาถึงขึ้นตอนนี้เราก็ควรประเมินด้วยใจเป็นกลาง คำนวณรายได้ที่น่าจะเป็น กำไรเป็นยังไง จนได้ EPS ออกมา แล้วก็ลองดูว่า P/E ที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ จากการดูเทียบตัวเองในอดีต เทียบคู่แข่ง เทียบค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม แล้วเราก็จะได้ราคาเป้าหมายออกมา ซึ่งผมเชื่อว่า P/E เป็นวิธีการที่ใช้ง่ายและคนทั่วไปใช้กันแล้วเห็นผล เลยกลายมาเป็นวิธีการทำ Valuation ยอดนิยมไป

สุดท้ายเมื่อเรารวบรวมลูกแก้วมังกรได้ครบทั้ง 7 ลูกแล้ว เทพเจ้ามังกรก็จะปรากฏตัวออกมาพร้อมกับพูดว่า

“จงบอกคำอธิษฐานของเจ้ามา ขออะไรก็ได้ ข้าจะให้เจ้า 1 อย่าง”

พอเหตุการณ์มาถึงตอนนี้เราก็จะรู้ตัวแล้วว่า ถ้าเราสะสมลูกแก้วมังกร 7 ลูก ตามนี้ พรของเราก็จะเป็นจริงในตัวของมันเองอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องขออะไรเพิ่มอีกเลย

แต่ถ้าจะต้องขอจริง ๆ ก็คงจะขอเหมือนตอนจบของ Dragon Ball Super ที่หมายเลข 17 ขอให้คนตายฟื้นคืนชีพ

ผมก็อยากจะขอให้ผู้คนที่บาดเจ็บล้มตายจากการขาดทุนในหุ้นได้มีโอการฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วก็อยากให้หาหลักการลงทุนของตัวเองให้เจอ และในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่า ทางตายไปทางไหน ก็อย่าเดินพลาดไปทางนั้นอีกก็พอ อย่าลืมว่า "ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว" ไม่ต้องรีบขาดทุน ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ ทำกำไร

ขอให้นักรบทุกคนโชคดีครับ

--------------------------------------------

กิจกรรมมอบรางวัลแด่ แชมป์ stock writer : นักเขียนเซียนหุ้น Season 1
พร้อม Mini Talk จาก แชมป์ stock writer และ CEO stock2morrow

"สูตรการลงทุนสไตล์ Stock Vitamin"
คุณ จิม ศรุติ โชติเสรีวิทย์ 
(เจ้าของเพจ Stock Vitamins - วิตามินหุ้น)
แชมป์ Stock Writer Season1

 

"กระแสการลงทุนครึ่งปีหลังที่ต้องจับตา"
คุณ ป้อม ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา 
CEO stock2morrow

ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ : http://bit.ly/2tBdpU2 

งานนี้ Free ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด 

ในวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561
เวลา 18.00 - 20.00 น.
สถานที่ : Hubba 2morrow สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 19